Photobucket

วันจันทร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

บาร์เซโลน่า 5-0 รีล มาดริด (ลาลีกา สเปน)

ทั้งสองทีมเจอกันในช่วงเวลาที่ถือว่าอยู่ในช่วงท๊อปฟอร์มของทั้งคู่ ทางฝั่งเจ้าบ้านไม่แพ้ใครมา 17 นัดติดกันและสามารถเก็บชัยชนะมา5นัดรวด ยิงไปถึง 22 ประตูใน 5 นัดสุดท้ายก่อนเกมส์นี้ ส่วนทีมเยือนนั้นไม่แพ้ใครมา 26 นัดติดกันในทุกรายการ แต่เริ่มเกมส์มาเพียง 10 นาทีทีมเจ้าบุญทุ่มก็ขึ้นนำจากจังหวะที่อิเนียสต้า จ่ายบอลเข้ากลางแต่บอลไปโดนขามาร์เซโล่และลูกกระเด้งเข้าทาง ซาบี เอร์นานเดซ แปผ่านตัว การ์ซิยาสเข้าไปง่ายๆ แต่หลังจากนั้นอีกเพียง 8 นาที บาร์ซ่าก็ขึ้นนำเป็น 2-0 จากจังหวะที่บีย่าลากบอลมาถึงเส้นหลังและเปิดเข้ากลาง บอลติดมือ การ์ซิยาสนิดนึงก่อนมาเข้าทางเปโดร ที่รออยู่หน้าประตู แปเข้าไปง่ายๆ เกมส์ยังคงเป็นบาร์ซ่าที่เล่นได้ดีกว่ามาก แม้ครึ่งหลัง โฆเซ่ มูริญโญ่ จะมีการแก้เกมส์โดยการเปลี่ยนตัวผู้เล่น ลงมาแทนโอซิลที่ไม่มีบทบาทอะไรในเกมส์นี้เลย แต่เกมส์ก็ยังไม่ดีขึ้น จนต้องมาเสียอีก 2 ประตูติดกันในนาทีที่ 55 และ 58 จากดาวิด บีย่า และการเปิดบอลของ เมสซี่ และในนาทีสุดท้ายของเกมส์บาร์ซ่าก็ได้อีกลูกจาก เจฟเฟรน ซัวเรซ จบเกมส์บาร์ซ่าเก็บ 3 แต้มพร้อมแซงขึ้นนำจ่าฝูง


เบรเมน 3-0 ซังต์ เพาลี (บุนเดสลีกา)

เจ้านกนางนวลฟอร์มแย่มากหลังจากไม่ชนะใครมาใน 7 เกมส์หลังสุดในทุกรายการ และทำประตูไม่ได้เลยใน 5 นัดหลัง เริ่มเกมส์มาเพียงนาทีเดียว เจ้าถิ่นก็ยิงประตูขึ้นนำ 1-0 จากการทำประตูของฮูร์โก้ อัลเมยด้า ถัดจากนั้นมาเจ้าบ้านดาหน้าบุกหนักเกือบได้ประตูอีกหลายครั้งและก็มาขึ้นนำ 2-0 จากอัลเมยด้าคนเดิม จากลูกโต้กลับเร็ว แล้วก็เป็นอัลเมยด้าที่สามารถทำประตูที่ 3 เป็นแฮตริกให้กับตัวเองสำเร็จ ในนาทีที่ 64 แต่อัลเมยด้าก็เล่นไม่ครบ 90 นาทีเมื่อไปศอกใส่ผู้เล่นของซังต์ เพาลี จึงโดนใบแดงออกไป แต่ซังต์เพาลีก็ไม่สามารถฉวยความได้เปรียบยิงประตูคืนได้ ซ้ำผู้เล่นยังโดนใบแดงในนาทีที่ 89 จบเกมส์เจ้าถิ่นเก็บ 3 แต้มที่เฝ้ารอได้สำเร็จ


บาเลนเซีย 2-1 อัลเมเรีย (ลาลีกา สเปน)

เจ้าบ้านเปิดเกมส์รุกใส่ทีมเยือนตั้งแต่นาทีแรก และในนาทีที่ 25 เจ้าถิ่นก็ได้ประตูจนได้จาก โรแบโต้ โซลดาโด้ หลังจากได้ประตูเจ้าถิ่นยังไม่เพลาเกมส์รุกแต่พลาดโอกาสจะทิ้งห่างคู่แข่งหลายต่อหลายครั้ง และประตูที่ 2 ของค้างคาวบาเลนเซียก็ได้จาก โซลดาโด้ คนเดิม ในนาทีที่ 63 แต่ทีมเยือนก็มาได้ 1 ลูกในนาทีสุดท้ายจาก โฮเซ่ อูญัว แต่ก็ทำได้เพียงเท่านั้น จบเกมส์ค้างคาวชนะไป 2-1 เก็บ 3 แต้มได้ตามคาด


ปาแลร์โม่ 3-1 โรม่า (กัลโช่ เซเรีย อา)


เจ้าถิ่นเปิดบ้านรับการมาเยือนจากโรม่า เกมส์ดำเนินจนถึงนาทีที่ 20 เจ้าถิ่นก็ขึ้นนำจาก มิคโคลี่ หลังจากเสียประตูโรม่าก็พยามาต่อบอลหาจังหวะทำประตู แต่ก็ยังไม่สำเร็จ จนมาถึงครึ่งหลังในนาทีที่ 61 จากอิลิซิช โรม่ายิ่งบุกหนักเหมือนยิ่งเปิดโอกาสให้เจ้าถิ่นได้ทำเกมส์สวนกลับและก็เป็นประตูที่ 3 จาก อันโตนิโอ โนเชริโน่ แต่ในนาทีสุดท้ายต๊อตติก็ยิงตีไข่แตกให้โรม่า บุกมาแพ้ไป 3-1


วันอาทิตย์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

อินเตอร์ มิลาน 5-2 ปาร์ม่า (กัลโช่ เซเรีย อา)

งูใหญ่ อินเตอร์ มิลาน เปิดบ้านถล่ม ปาร์ม่า ไปแบบไม่ยั้ง 5 ประตูต่อ 2 ทั้งๆที่เริ่มเกมส์เพียง 4 นาทีทีมเยือนขึ้นนำเร็วจาก เครสโป แต่เพียงนาทีที่ 18 เจ้าบ้านก็ไล่ตามตีเสมอจนได้จากลูกยิงไกลของ เดยัน สแตนโควิช ยิงแฉลบกองหลัง และนาทีต่อมาก็ขึ้นนำเป็น 2-1 จากสแตนโควิชคนเดิมยิงแฉลบขากองหลังเป็นประตูอีกครั้ง ผ่านมาอีกแค่ 5 นาทีอินเตอร์ก็หนีห่างเป็น 3-1 จากลูกชาร์จจ่อๆของ เอสเตบัน กัมบิอัสโซ่ แต่นาทีที่ 36 เครสโปก็ยิงไล่ให้ปาร์ม่าตามมาเป็น 3-2 เริ่มครึ่งหลัง ปาร์ม่าพยายามบุกกดดันเจ้าถิ่น แต่กลับเป็นอินเตอร์ที่หนีห่างไป 4-2 จากมอตต้าที่เพิ่งถูกเปลี่ยนลงมาถัดมาอีกเพียง 3 นาทีเจ้าถิ่นก็ทิ้งเป็น 5-2 จากสแตนโควิช ซึ่งเป็นลูกที่ 3 ในเกมส์นี้และให้งูใหญ่เก็บชัยชนะเหนือคู่แข่งได้สำเร็จ


นิวคาสเซิ่ล 1-1 เชลซี (พรีเมียร์ลีก)


เริ่มเกมส์เพียง 6 นาทีเจ้าบ้านขึ้นนำเร็วเมื่อ เชลซีพลาดเสียบอลในแดนกลาง และเป็นจังหวะสวนทันทีของเจ้าถิ่น จากการยิงของ แคร์โรลล์ แต่เชลซีก็บุกกดดันหนักและมาได้ลูกตีเสมอในช่วงทดเวลาบาดเจ็บของครึ่งแรกจาก ซาโลมง กาลู ครึ่งหลังเกมส์ยังสูสีกันแม้ว่าทีมเยือนจะมีโอกาสมากกว่าก็ตาม ในนาทีที่ 76 ดร็อกบายิงบอลเข้าประตูไป แต่กรรมการเป่าเป็นลูกแฮนด์บอลตั้งแต่จังหวะแรก หลังจากนั้นไม่มีใครทำประตูได้ ผลเสมอทำให้เชลซีต้องเป็นแค่รองจ่าฝูงและมีแต้มตามหลังแมนยู 2 แต้ม


ท๊อตแน่ม ฮอตสเปอร์ 2-1 ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีก)


หงส์แดงลิเวอร์พูลเจองานหนักเมื่อต้องมาพบกับไก่เดือยทองในช่วงที่ท๊อปฟอร์ม แต่เกมส์โดยรวมสูสีกันมาก ทั้งสองฝ่ายต่างมีจังหวะและโอกาสหวาดเสียว แต่แล้วก่อนหมดเวลาครึ่งแรกเพียง 3 นาทีเจ้าถิ่นก็เสียประตูจากการทำประตูของ มาร์ติน สเคอร์เทล จบครึ่งแรกลิเวอร์พูลนำ 1-0 เริ่มครึ่งหลังมา เจ้าบ้านพยายามโหมบุกเพื่อหวังตีเสมอ แล้วในที่สุดนาทีที่ 65 ก็เป็น สเคอร์เทลคนเดิมที่ทำประตูเพิ่ม แต่ประตูที่ได้เพิ่มกลับเป็นของสเปอร์ เพราะดันสกัดลูกเข้าประตูตัวเอง แล้วในช่วงทดเจ็บ อารอน เลนน่อนก็ทำให้แฟนบอลหงส์แดงเศร้าไปตามๆกัน เมื่อหลุดเข้าไปยิงผ่านตัวเรน่า ให้เจ้าบ้านเฉือนชนะไป 2-1 ทำให้สเปอร์ขึ้นไปอยู่ที่ 5 ของตารางคะแนน


วันเสาร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 7-1 แบล๊คเบิร์น (พรีเมียร์ลีก)

เกมส์เริ่มเพียง 2 นาทีเจ้าถิ่นก็ขึ้นนำ 1-0 จากการยิงของเบอร์บาตอฟ หลังจากนั้นผีแดงก็ได้ประตูที่ 2 และ 3 ในนาทีที่ 23 จากปาร์ก จี ซุง และนาที่ที่ 27 จากเบอร์บาตอฟ ครึ่งแรก แมนยูนำก่อน 3-0 ครึ่งหลังเริ่มได้เพียง นาทีเดียวแมนยู ก็นำเป็น 4-0 จากหัวหอกบัลแกเรีย จากการเปิดของนานี่ แมนยูยังไม่เพลาการบุก แค่นาทีที่ 48 นานี่ได้บอลเลี้ยงจี้และตัดบอลเข้าด้านในซัดบอลตุงตาข่าย ผีแดงนำ 5-0 นาที่ที่ 61 เบิร์บ ซัดลูกที่ 4 ของตัวเองและพาทีมขึ้นนำ 6-0 เกมส์ยังไม่จบแค่นั้น ในนาทีที่ 70 เบิร์บก็ยิงลูกที่ 5 ในเกมส์นี้ได้ และขึ้นนำเป็นดาวซัลโว 11 ประตูทันที แต่ก่อนหมดเวลา 7 นาที ทีมกุหลาบไฟก็ยิงตีไข่แตกจนได้ จากคริสโตเฟอร์ แซมบ้า จบ 90 นาทีเจ้าถิ่นเก็บ 3 แต้มพร้อมขึ้นเป็นจ่าฝูง


วันพุธที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

พานาธิไนกอส 0-3 บาร์เซโลน่า (ยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก)

ทีมเจ้าบุญทุ่มยกพลบุกมาถล่มพานาธิไนกอสถึงถิ่น 0-3 แม้ว่าช่วงสุดสัปดาห์ต้องทำศึกใหญ่กับรีล มาดริดก็ตาม เริ่มเกมส์มาเพียง 26 นาที เปโดร ก็ซัดมุมแคบให้ทีมขึ้นนำไปก่อน 1-0 หลังจากนั้นนาทีที่ 63 เมสซี่ก็ทำประตูที่ 23 จากทุกถ้วยในฤดูกาลนี้ และอีกลูกจากเปโดร ในนาทีที่ 68 จบเกมส์บาร์ซ่าคว้าตั๋วเข้าไปเล่นในรอบต่อไปแบบสบายเท้า


ท๊อตแน่ม ฮอตสเปอร์ 3-0 แวร์เดอร์ เบรเมน (ยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก)


เกมส์ที่ 5 ในรอบแบ่งกลุ่มศึกยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก นัดนี้ สเปอร์กำลังฟอร์มสดมากๆ เปิดบ้านถล่มทีมเจ้านกนางนวลจากเยอรมันไป 3-0 โดยเริ่มเกมส์มาเพียง 6 นาทีเจ้าบ้านก็ขึ้นนำจากการทำประตูของยูเนส กาบูล และมาได้ประตูที่ 2 ในช่วงทดเวลาครึ่งแรกจาก ลูก้า โมดริช กระดกบอลข้ามหัวกองหลังแล้วซัดเข้าไป่อย่างสวยงาม ครึ่งหลังเกมส์ยังคงเป็นของเจ้าถิ่นและมาได้ลูกจุดโทษจากจังหวะที่ เฟลิกซ์ โครส ไปเกี่ยวโมดริชในเขตโทษ แกเร็ธ เบลรับหน้าที่สังหาร แต่ ทิม วีเซ่เซฟได้ง่ายๆ ทำให้ทีมพลาดโอกาสขึ้นนำ 3-0 แต่แล้วในนาทีที่ 79 สเปอร์ก็ได้ลูกที่ 3 จนได้จากปีเตอร์ เคร้าช์ จบเกมส์ สเปอร์เก็บ 3 แต้มพร้อมผ่านเข้ารอบได้สำเร็จ


กลาสโกว์ เรนเจอร์ส 0-1 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (ยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก)


เกมส์นี้แมนยูต้องการเพียงแค่ 1 แต้มก็จะสามารถเข้ารอบต่อไปได้ ท่านเซอร์จึงจัดทัพให้แผงหลังดาวรุ่งได้ลงมาโชว์ฝีมือบ้าง เกมส์ในครึ่งแรกเป็นของทีมเยือนซะเป็นส่วนใหญ่ แต่เจ้าบ้านก็มีโอกาสเสียวบ้างแต่จบ 45 นาที ยังเสมอกัน 0-0 ครึ่งหลังเกมส์ก็ยังคงเป็นของทีมผีแดงที่ครองบอลได้ดีกว่าและน่าจะขึ้นนำในหลายจังหวะ แต่แล้วก่อนหมดเวลาแค่ 3 นาที แมนยูก็ได้ลูกจุดโทษจากจังหวะที่ฟาบิโอเติมเกมส์รุกเข้ามาโหม่งในเขตโทษของเรนเจอร์ แต่โดนเนย์สมิธเตะเข้าเต็มอก กรรมการไม่ลังเลให้แมนยูได้จุดโทษ และก็เป็นรูนนี่ที่สังหารแมนยู เอาชนะไป 1-0 ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายเป็นที่แน่นอน


วันอาทิตย์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

บาเยิร์น มิวนิค 3-0 เนิร์นแบร์ก (บุนเดสลีกา)


ฟอร์มบาเยิร์น ร้อนแรงมากโดยเฉพาะ มาริโอ โกเมซ ซึ่งซัดไปแล้ว 5 ประตูในซีซั่นนี้ มาเกมส์นี้เริ่มเพียง 10 นาที โกเมซก็แผลงฤทธิ์ อีกเมื่อ ดานิเยล ปรานยิช จ่ายเข้ากลาง โกเมซยิงเข้าไปง่ายๆ หลังจากนั้นเกมส์ก็ยังเป็นเจ้าบ้านที่ทำเกมรุกได้ดีกว่าเยอะและมีโอกาสได้ประตูที่สองอีกหลายครั้ง จนกระทั่งกว่าจะได้ประตูที่สองต้องรอจนถึงนาทีที่ 57 จากลูกจุดโทษจากฟิลิปป์ ลาห์ม และลูกที่ 3 ในนาทีที่ 75 จากโกเมซคนเดิม จบ 90 นาที เสือใต้เก็บ 3 แต้ม ขยับขึ้นมาเป็นอันดับ 6 โดยมีแต้มตาม ดอร์ทมุนด์ จ่าฝูงถึง 12 แต้ม


อินเตอร์ มิลาน 0-1 เอซี มิลาน (กัลโช่ เซเรีย อา)

เกมส์มิลาน ดาร์บี้ แมทช์เริ่มมาได้เพียง5 นาที มาร์โก มาเตรัซซี่ กองหลังงูใหญ่ ไปเกี่ยวขา อิบราโมวิชล้มในเขตโทษ ผู้ตัดสินชี้ให้เป็นลูกโทษ อิบราโมวิชรับหน้าที่สังหาร ปิศาจแดงดำ ขึ้นนำเร็ว 1-0 หลังจากนั้นเกมส์ยังคงเป็นของทีมเยือนที่ครองบอลได้ดีกว่า แต่ไม่สามารถบวกประตูเพิ่มได้ จนนาทีที่60 ทีมเยือนก็เหลือผู้เล่นแค่ 10 คน เมื่ออินยาซิโอ อบาเต้ โดนใบเหลืองที่สองกลายเป็นใบแดง ช่วงท้ายอินเตอร์บุกหนักหวังตีเสมอให้ได้ แต่ เอซี มิลานก็สามารถรักษาสกอร์เอาไว้ได้ จบเกมส์ มิลานเก็บ 3 แต้มพร้อมกลับขึ้นนำจ่าฝูงอีกครั้ง


สปอร์ติ้ง กิฆอน 0-1 รีล มาดริด (ลาลีกา สเปน)

ราชันย์ชุดขาวมาเยือนด้วยฟอร์มสุดยอด หลังจากไม่แพ้ใครมา 10 นัด นัดนี้เกมส์โดยรวมเป็นของรีล มาดริด ที่ทำได้ดีกว่าเยอะ แต่ผู้รักษาประตูของ กิฆอนนั้นวันนี้โชว์ซุปเปอร์เซฟได้หลายต่อหลายครั้ง แต่ในที่สุดในนาทีที่ 82 ราชันย์ชุดขาวก็ได้ประตูจนได้ จาก กอนซาโล่ อิกวาอิน จบเกมส์ รีลมาดริด คว้า 3 แต้มกลับขึ้นมานำจ่าฝูงอีกครั้ง


เชลซี 0-3 ซันเดอร์แลนด์(พรีเมียร์ลีก)


เริ่มเกมส์เชลซีทำเกมส์ได้เหนือกว่าซันเดอร์แลนด์เล็กน้อย ในครึ่งแรกเชลซีมีโอกาสสร้างความหวาดเสียวให้ผู้มาเยือนบ้าง แต่ไม่เป็นประตู แต่ช่วงทดเวลาบาดเจ็บทีมจากแดนอีสานก็ช็อกแฟนบอลเจ้าถิ่นเมื่อ โอนูโอฮา ตัดบอลได้แล้วเลี้ยงบอลหลบ ผู้เล่นเชลซีถึง 3 คน หลุดเข้าไปยิงหักมุมผ่านตัว ปีเตอร์ เช็ก ซันเดอร์แลนด์ขึ้นนำ 1-0 เริ่มครึ่งหลัง เชลซีบุกหนักหวังทวงประตูคืน แต่เป็นทีมเยือนที่สามารถบวกสกอร์เพิ่มจาก อซาโมอาร์ กียาน ในนาทีที่ 52 แล้วทีมแมวดำก็ฝังสิงห์บลูสนิทเมื่อ แอชลีย์ โคล จ่ายคืนหลัง แต่ถูกเวลเบ็ก ตัดบอลแปสวนตัว เช็กเข้าไปง่ายๆ จบเกมส์ ซันเดอร์แลนด์สร้างเซอร์ไพรส์ถล่มเชลซีไป 0-3 แต่เชลซียังนำเป็นจ่าฝูง เพราะมีแต้มห่างจากที่สองอยู่ 2 แต้ม


ยูเวนตุส 1-1 โรม่า (กัลโช่ เซเรีย อา)


หากทีมม้าลายเก็บชัยได้ในนัดนี้จะทำให้ทีมขึ้นมาอยู่อันดับ2 ก่อน เพราะอีกหลายทีมมีคิวเตะในวันรุ่งขึ้น เปิดเกมส์มาในครึ่งแรกเป็นเจ้าถิ่นที่ครองเกมส์ได้ดีกว่าเล็กน้อย และมาได้ประตูขึ้นนำในนาทีที่ 35 จากลูกวอลเลย์สุดสวยของ วินเชนโซ่ ยาควินต้า แต่หมาป่าแห่งกรุงโรมก็มาได้ลูกโทษในช่วงทดเวลาบาดเจ็บในครึ่งแรก ต๊อตติ ยิงเข้าไปให้สกอร์กลับมาเสมอกันอีกครั้ง เปิดครึ่งหลังมา ทั้ง 2 ทีมสู้กันอย่างสนุก แต่ก็ไม่มีฝ่ายใดที่สามารถบวกสกอร์ได้ จบ 90 นาทีแบ่งแต้มกันไป


โวล์ฟบวร์ก 2-2 ชาลเก้(บุนเดสลีกา)


โวล์ฟบวร์กเปิดบ้านเสมอกับ ชาลเก้สุดมันส์ 2-2 ซึ่งได้ประตูตั้งแต่นาทีที่11 จากกราฟิเต้ และ นาทีที่33 จาก เอดิน เซโก 2 กองหน้าของทีม แต่ทีมเยือนไม่ยอมแพ้ อีก 8 นาทีต่อมาก็ได้ประตูตีไข่แตกจาก เอดู ครึ่งหลังกลับเป็นชาลเก้ที่ทำเกมส์ได้ดีกว่าและเกือบตีเสมอได้หลายครั้ง จนนาทีที่75 คลาส แยน ฮุนเตลาร์ ก็ยิงเข้าประตูได้สำเร็จแต่จากภาพช้า บอลโดนแขนฮุนเตลาร์ก่อนจะยิงเข้าประตู ผู้เล่นโวล์ฟบวร์กเข้าไปประท้วงผู้ตัดสิน แต่ผู้ตัดสินยืนยันว่าเป็นประตู ถัดมาอีกแค่ 3 นาที เจ้าบ้านต้องเหลือผู้เล่นเพียง 10 คนจากการที่ อัสคาน เดยาการ์ไปฟาว์ล หลังจากนั้น ชาลเก้หวังจะเก็บ 3 แต้มให้ได้ แต่ครบ 90 นาทีผลออกมาเสมอแบ่งแต้มกันไป


ไกเซอร์สเลาเทิร์น 3-3 สตุ๊ตการ์ท(บุนเดสลีกา)

ม้าขาวสตุ๊ตการ์ทบุกมาเยือนด้วยฟอร์มอันร้อนแรง ครึ่งแรก ม้าขาวนำก่อน 2-0 จาก อาร์ตู โบก้า และนาทีที่32 จาก คาเคาและมาได้เพิ่มอีก 1 เม็ดจากลูกจุดโทษ คริสเตียน เกนท์เนอร์ สังหารไม่เหลือ แต่เจ้าถิ่นมีแรงฮึดมายิงตีไข่แตกได้ในนาทีที่58 จาก อิลิยาน มิทซันสกี้ และมายิงประตูที่ 2 และมายิงตีเสมอได้ในนาทีที่ 76 และ 78 จาก อิโว อิลิเซวิช และ มัทธิอัส อาเบล ทำให้ปีศาจแดงแห่งเบตเซนแบร์ก เก็บ 1 แต้มได้อย่างเหลือเชื่อ


แอตเลติโก มาดริด 3-0 โอซาซูน่า (ลาลีกา สเปน)


เกมส์ในครึ่งแรกเป็นเจ้าบ้านที่ครองเกมส์ได้เป็นส่วนใหญ่ แล้วเจ้าบ้านก็ได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากการซ้ำของดีเอโก ฟอร์ลัน ดาวยิงของทีม ทีมเยือนเกือบได้ประตูตีเสมอ แต่ผู้รักษาประตูสามารถเซฟไว้ได้ และทีมตราหมีก็มาได้ประตูที่ 2 ในนาทีที่ 40 จาก กุน อเกวโร่ โหม่งเข้าไปจากการเปิดของฟอร์ลัน กลับมาเล่นในครึ่งหลังเกมส์ของทีมเยือนยังไม่ดีขึ้นแถมยังต้องเสียตัวผู้เล่นในนาทีที่ 60 เมื่อนาโช่ มอนเรอัล ไปทำแฮนด์บอลจึงถูกใบเหลืองใบที่สองเป็นใบเหลืองแดง เจ้าบ้านได้เปรียบตัวผู้เล่นเพียง 10 นาทีก็ทิ้งห่างเป็น 3-0 จาก ฟอร์ลันคนเดิมจบ 90 นาทีแอตเลติโก มาดริด เก็บ 3 แต้มสบายๆ


บาร์เซโลน่า 3-1 บียาร์รีล (ลาลีกา สเปน)

เจ้าบุญทุ่ม บาร์เซโลน่าฟอร์มร้อนแรงชนะมา 4 นัดรวด นัดนี้ต้องต้อนรับทีมแกร่งอย่างบียาร์รีล รูปเกมส์เจ้าบ้านทำได้ดีกว่ามาก แต่ทีมเยือนก็สามารถหาจังหวะตอบโต้ได้บ้าง แต่นาทีที่21 บาร์ซ่าก็ขึ้นนำจนได้จากการยิงของ เดวิด บีย่า และในนาทีที่ 24 บาร์ซ่าน่าจะนำเป็น 2-0 จากการหลุดเดี่ยวของเมสซี่ และจ่ายบอลโล่งๆแปเข้าประตูไป แต่ผู้ตัดสินยกธงให้เป็นลูกล้ำหน้าไปแล้ว หลังจาหนั้นบียาร์รีลสวนกลับมาทันทีและได้ประตูตีเสมอจาก นิลมาร์กองหน้าทีมชาติบราซิล หลังจากนั้นต่างฝ่ายต่างมีโอกาสเพิ่มสกอร์ให้แต่ไม่สำเร็จจบครึ่งแรกเสมออยู่ 1-1 นาทีที่ 58 เมสซี่ประสานงานกับ เปโดร โรดริเกซ ชิ่ง 1-2 แล้วชิปมุมแคบผ่านผู้รักษาประตูอย่างสวยงาม หลังจากนั้นนาทีที่ 83 เมสซี่ก็ยิงประตูที่ 10 ของตัวเองในฤดูกาลนี้ ให้บาร์ซ่าชนะบียาร์รีลไป 3-1 พร้อมขึ้นนำจ่าฝูงชั่วคราว


สโต๊ค ซิตี้ 2-0 ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ ลีก)


ครึ่งแรกเป็นฝ่ายสโต๊คที่มีโอกาสมากกว่าลิเวอร์พูลและครองเกมส์ได้มากกว่าแต่ไม่สามารถจบสกอร์ได้ครึ่งแรกจึงเสมอกัน 0-0 แล้วนาทีที่56 แฟนหงส์แดงก็เซ็งกันไป เมื่อสโต๊ค ได้ประตู จากลูกชุลมุนแถวหน้าประตู จังหวะสุดท้าย ริคาร์โด้ ฟูลเลอร์ จิ้มบอลเข้าไปตุงตาข่าย ลิเวอร์บุกหนักหมายทวงประตูคืนแต่ก็เกือบเสียลูกที่สองอีก จนกระทั่งช่วงทดเจ็บ เจอร์ราร์ดวางบอลยาวแต่ถูกตัดเกมส์ได้แล้วโต้กลับมาให้ เคนวีน โจนส์ ลากบอลเข้าเขตโทษ แล้วซัดผ่านมือเรน่า ให้เจ้าบ้านเอาชนะหงส์แดงไป 2-0


ท๊อตแน่ม ฮอตสเปอร์ 4-2 แบล๊คเบิร์น (พรีเมียร์ ลีก)


สเปอร์เปิดบ้านต้อนรับกุหลาบไฟ เริ่มเกมส์มาได้เพียง 16 นาที เจ้าบ้านก็ขึ้นนำก่อนจากลูกโหม่งของ แกเรธ เบลล์ สเปอร์น่ามีโอกาสทำสกอร์เพิ่มจากการได้จุดโทษ แต่พาฟลูเชนโกยิงออกไปอย่างน่าเสียดาย แต่ก่อนหมดเวลา 3 นาทีก็ได้ประตูที่ 2 จนได้ จากพาฟลูเชนโก ครึ่งหลังเกมส์ยังเป็นของเจ้าบ้าน นาทีที่ 63 ก็ได้ประตูนำห่างเป็น 3-0 จากปีเตอร์ เคร้าช์ และนาทีที่ 76 เบล ก็ทำประตูที่สองของตัวเองได้ ถัดมาอีก 4 นาที ทีมเยือนก็ได้ประตูตีไข่แตกจาก เดวิด ดันน์ แบล๊คเบิร์นยังคงบุกแล้วก็ได้ประตูที่ 2 ก่อนหมดเวลาเพียงนาทีเดียว สเปอร์สเก็บ3 แต้มไปอย่างสุดมัน


วันเสาร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

แอสตัน วิลล่า 2-2 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (พรีเมียร์ ลีก)


ก่อนเกมส์นี้ปิศาจแดงมีแต้มตามหลังเชลซี ถึง 4 แต้ม จึงต้องการชัยชนะนัดนี้เพื่อไม่ให้คู่แข่งทิ้งห่างมากเกินไปนัก รูปเกมส์ในครึ่งแรก แมนยู มีโอกาสได้ประตูแต่ไม่สามารถทำได้สำเร็จ จบครึ่งแรกด้วยสกอร์ 0-0 เริ่มครึ่งหลังเป็นฝ่ายเจ้าบ้านมีโอกาสขึ้นนำแต่ก็ยิงชนเสาไปถึง 2 ครั้ง แต่แล้วความพยายามของวิลล่าก็บรรลุผลเมื่อกองหลังแมนยู ไปสกัดกองหน้าวิลล่าล้มในกรอบเขตโทษ กรรมการเป่าเป็นลูกจุดโทษทันที เป็นแอชลีย์ ยัง รับหน้าที่สังหารให้วิลล่าขึ้นนำแมนยู 1-0 ในนาทีที่ 72 ถัดมาอีกเพียง 4 นาที แฟนบอลผีแดงก็ช็อกอีกครั้งเมื่อวิลล่าสวนกลับ แล้วดาวนิ่งก็เปิดเข้ากลางประตู อัลไบรตัน ชาร์จเข้าไปง่ายๆ วิลล่า นำ 2-0 หลังจากนั้นแมนยูก็โหมบุกอย่างหนักเพื่อทวงประตูคืน แล้วในนาทีที่ 81 มาเคด้าที่ลงมาเป็นตัวสำรองก็ซัดประตูสุดสวยตีไข่แตกได้สำเร็จ แมนยูยังคงบุกหนักแล้วนาทีที่ 85 แฟนแมนยูก็ได้เฮเมื่อนานี่เปิดจากด้านข้าง แล้ววิดิชก็โหม่งย้อนทางให้แมนยูตีเสมอ 2-2 หลังจากนั้นไม่มีใครทำประตูเพิ่ม จบเกมส์แมนยูคว้า 1 แต้มไปแบบหืดขึ้นคอ


วันศุกร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ดอร์ทมุนด์ 2-0 ฮัมบูร์ก (บุนเดสลีกา)

เสือเหลืองทีมนำจ่าฝูงซึ่งฟอร์มร้อนแรงมาก ไม่แพ้ใครมา 10 นัดในบุนเดสลีกาติดต่อกัน และสามารถเก็บชัยชนะได้ถึง 9 นัด เปิดบ้านต้อนฮัมบูร์กไปแบบสบายเท้า 2-0 โดยได้ประตูแรกจากนักเตะญี่ปุ่น ชินจิ คากาวะ ซัด 15 หลาแล้วแฉลบโดนกองหลังของทีมเยือนเข้าประตูในนาทีที่ 49 หลังจากนั้นก็เกือบได้ประตูอีกหลายครั้ง จนกระทั่งในนาทีที่ 70 การประสานงานในแนวรุกของเจ้าบ้านก็ต่อบอลอย่างสวยงามก่อนที่ ลูคัส บาร์ริออสจะยิงง่ายๆเป็นประตูที่ 2 ทำให้จบเกมส์ ดอร์ทมุนด์เก็บเพิ่ม 3 แต้มทิ้งที่ 2 ไมนซ์ เป็น 7 แต้ม


วันพุธที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

เอซี มิลาน 3-1 ปาแลร์โม่ (กัลโช่ เซเรีย อา)

เอซี มิลานส่งปาร์โต้ยืนหน้าคู่กับ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช เริ่มเกมส์มาได้ 19 นาที มิลานก็ออกนำก่อนจากลูกโหม่งของ ปาร์โต้ หลังจากนั้นก็มีจังหวะในการที่จะเพิ่มสกอร์ให้กับทีม แต่ยังไม่สามารถเพิ่มเป็น 2-0 ได้ ผ่านมาจนนาทีที่ 63 ทีมเยือนก็ตีเสมอได้สำเร็จจาก บาชิโนวิช ที่ยิงจากนอกกรอบเขตโทษ อับเบียติ ผู้รักษาประตูได้แต่ป้องกันด้วยสายตา แต่เจ้าบ้านก็ขึ้นนำอีกครั้งในนาทีที่ 77 จากลูกจุดโทษของ อิบราโมวิช และก่อนจบเกมส์ 7 นาที โรบินโญ่ ที่ลงมาเป็นตัวสำรอง ซัดตุงตาข่าย ให้เจ้าบ้านชนะ 3-1 เก็บ 3 แต้มพร้อมก้าวขึ้นจ่าฝูง เพราะ ลาซิโอ แพ้ต่อ เซเซน่า


วันจันทร์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

เซบีย่า 2-0 บาเลนเซีย (ลาลีกา สเปน)

เซบีย่าเปิดบ้านต้อนรับเจ้าค้างคาวบาเลนเซีย ช่วงต้นครึ่งแรกเป็นฝ่ายเจ้าบ้านที่สามารถครองเกมส์ได้ดีกว่าและมีโอกาสทที่จะทำสกอร์ หลังจากเกมส์เริ่มไปเพียง 25 นาที บาเลนเซียก็เป็นฝ่ายเสียเปรียบเมื่อ เมห์เม็ต โทปัล ไปย่ำเท้าใส่ มาร์ติน คาเซเรซแบบน่าเกลียด กรรมการไม่รอช้าที่จะให้ใบแดงทันที หลังจากที่เสียเปรียบตัวผู้เล่น บาเลนเซียก็มีโอกาสโต้ตอบบ้าง จบ 45 นาทีแรก ยังเสมอ 0-0 ครึ่งหลังในนาทีที่ 54 ประตูแรกของเจ้าบ้านก็มาถึงเมื่อ อัลบาโร่ เนเกรโด้ ที่เพิ่งถูกเปลี่ยนตัวลงมาแค่นาทีเดียว ซัดมุมแคบลอดหว่างขา บิเซนเต้ กวาอิต้าไป เจ้าบ้านขึ้นนำ 1-0 หลังจากนั้น เซบีย่าก็มีโอกาสหลายครั้งที่จะบวกสกอร์เพิ่มแต่ยังทำไม่ได้ จนกระทั่งในนาทีที่ 77 ตัวสำรองอีกคนนึง อเลซานโดร อัลฟาโร่ ก็โหม่งทำประตูให้เจ้าบ้านทิ้งห่างทีมเยือนเป็น 2-0 จบเกมส์เซบีย่าเก็บ 3 แต้มพร้อมขึ้นมาอยู่อันดับ 5 ของตารางคะแนน


ลาซิโอ 0-2 โรม่า (กัลโช่ เซเรีย อา)

ดาร์บี้แมทช์กรุงโรม ครั้งนี้น่าจะเป็นงานหนักของทีมหมาป่า โรม่า เพราะลาซิโอออกสตาร์ทฤดูกาลได้ดีมาก และเป็นทีมนำ แต่จบ 45 นาทีแรกก็ไม่มีฝ่ายใดต้องเพลี่ยงพล้ำ แต่เริ่มครึ่งหลังมาได้เพียง 7 นาทีเจ้าถิ่นต้องเสียประตูจากลูกจุดโทษ ที่ลิคสไตเนอร์ไปทำแฮนด์บอล แล้ว มาร์โก บอร์ริเอโล่รับหน้าที่เป็นผู้สังหาร โรม่าขึ้นนำ 1-0 หลังจากนั้นอุณหภูมิของเกมส์ก็ร้อนแรงขึ้นเพราะลาซิโอพยายามบุกหนักเพื่อตีเสมอ แล้วช่วงท้ายครึ่งหลัง ลาซิโอก็น่าได้ลูกจุดโทษ เมื่อรีเซ่ ไปเหนี่ยว สเตฟาโน่ เมารีล้มลงแต่กรรมการไม่เห็น แต่กลายเป็นโรม่าได้จุดโทษลูกที่2 ในนาทีที่ 87 มีร์กู วูซินิชสังหารไม่พลาด หมาป่าโรม่า ดับพญาอินทรีแห่งกรุงโรม แต่ลาซิโอยังเป็นทีมนำต่อไป


สตุ๊ตการ์ท 6-0 เบรเมน (บุนเดสลีกา)

ทีมม้าขาวเจ้าบ้านฟอร์มร้อนแรงมาก เริ่มเกมส์เพียงแค่ 10 นาที ก็ขึ้นนำ 1-0 จาก มาริก้า หลังจากนั้นเบรเมนมีโอกาสตีเสมอเมื่อได้ลูกโทษ แต่ทอร์สเท่น ฟริงก์ยิงไม่ดี ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่นล้มตัวรับไว้ได้ หลังจากนั้นสตุ๊ตการ์ทก็ขึ้นนำอีกครั้งในนาทีที่ 31 จาก คาเคา และก่อนหมดเวลาครึ่งแรก คาเคาก็กดให้ทีมเจ้าบ้านนำในครึ่งแรก 3-0 เกมส์ดำเนินไปจนถึงนาทีที่ 60 เจ้าบ้านก็ได้มีโอกาสได้ประตูที่4 จากลูกจุดโทษของคาเคา แต่คาเคาดันยิงไปติดผู้รักษาประตูทีมเยือน พลาดแฮตทริก แต่หลังจากนั้นอีก 8 นาที ทีมนกนางนวลก็เสียประตูที่ 4 โดยคริสเตียน เกนท์เนอร์ เป็นผู้ทำประตู แล้วประตูที่ 5 ก็ตามมาติดๆจากลูกโหม่งของ จอร์จ นีแดร์ไมเออร์ และก่อนหมดเวลา 4 นาที มาร์ติน ฮาร์นิกเปิดบอลตัดหลังแผงกองหลังให้ อาร์กตูร์ โบก้า ใช้ความเร็วแตะบอลหลบ วีเซ่ ผู้รักษาประตู ซัดให้ม้าขาว ถล่ม เจ้านางนวลไปแบบขาดลอย


วันอาทิตย์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

รีล มาดริด 2-0 แอต.มาดริด (ลาลีกา สเปน)

รีล มาดริดเปิดบ้านต้อนรับทีมร่วมเมืองอย่าง แอตเลติโก มาดริด โดยที่ฟอร์มของเจ้าบ้านนั้นแรงมากในเวลานี้ แถมตัวผู้เล่นก็ถือว่าอยู่ในฟอร์มดีกันทุกคน แค่ 13 นาที เจ้าบ้านก็ได้ประตูขึ้นนำจาก ริคาร์โด คาวาลโญ่ ซึ่งเติมเกมส์รุกขึ้นมา หลังจากนั้นอีกแค่ 6 นาที เจ้าบ้านก็ได้ประตูที่ 2 จากการปั่นลูกฟรีคิกของ เมซุต โอซิล หลังจากนั้น ราชันชุดขาวก็เกือบบวกสกอร์ได้หลายต่อหลายครั้ง แต่ไม่เป็นประตู แต่ทีมเยือนก็มีจังหวะที่ตอบโต้ได้บ้าง จบ 90 นาที เจ้าบ้านเก็บ 3 แต้มพร้อมขึ้นนำเป็นจ่าฝูง ลาลีกา สเปน และรักษาสถิติไม่แพ้ใคร 10 นัดติดต่อกัน ตั้งแต่เปิดฤดูกาล


ลิเวอร์พูล 2-0 เชลซี (พรีเมียร์ลีก)

แฟนหงส์แดงเฮ เมื่อตอเรสคืนฟอร์มเก่ง กด 2 เม็ดชนะทีมแกร่งอย่างเชลซีไปได้ ในครึ่งแรก ลิเวอร์พูลต่อบอลกันได้อย่างเหนือชั้นกว่าเชลซี แค่ครึ่งแรก หงส์แดงก็นำผู้มาเยือนไป 2-0 แต่ครึ่งหลังเชลซีแก้เกมส์ด้วยการเปลี่ยนดร็อกบาลงมา รูปเกมส์จึงดีขึ้น จนเกือบได้ประตูตีไข่แตกหลายครั้ง แต่ก็ไม่สามารถตีคืนได้จบเกมส์ ลิเวอร์พูลคว้า 3 แต้มสำคัญได้สำเร็จ


วันอาทิตย์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2553

แบล๊คเบิร์น 0-0 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (พรีเมียร์ ลีก)


ก่อนเกมส์นี้ แมนยู สร้างผลงานที่น่าผิดหวัง 3 นัดติดกัน จากเกมส์ที่แพ้บาเยิร์นในนัดแรก แพ้เชลซี และชนะบาเยิร์น แต่ตกรอบแบบไม่น่าเชื่อ แมนยูสร้างโอกาสได้น้อยเมื่อเทียบกับหลายเกมส์ที่ผ่านมา และยังขาดตัวจบสกอร์อย่างรูนี่ย์ที่มีอาการบาดเจ็บ เกมส์นี้จึงทำได้แค่เสมอ 0-0 มีแต้มตามหลังเชลซี 1 แต้มแต่เตะมากกว่า 1 นัด โอกาสคว้าแชมป์ลดน้อยลงเรื่อยๆ


รีล มาดริด 0-2 บาร์เซโลน่า (ลาลีกา สเปน)

เอล คลาสิโก้ ครั้งนี้ เป็นเกมส์ลุ้นแชมป์เลยก็ว่าได้ เพราะทั้งสองทีมต่างมีคะแนนเท่ากัน และอยู่ในช่วงทอปฟอร์มทั้งคู่ โดยที่ราชันชุดขาว เล่นในบ้าน 15 นัด ชนะรวด ในขณะที่ เจ้าบุญทุ่มสามารถเก็บได้ 15 แต้มเต็มจาก 5 นัดหลังสุดใน ลาลีกา รูปเกมส์ทั้งสองทีมยังไม่เปิดเกมมส์รุกกันเต็มที่เพราะต่างฝ่ายต่างระมะดระวังตัวเป็นพิเศษ จนมาถึงในนาทีที่ 32 เมสซี่ก็ทำประตูขึ้นนำ 1-0 หลังจากนั้นเจ้าถิ่นก็บุกกดดันทีมเยือนอย่างหนักหวังเอาประตูตีเสมอ แต่ก็ยังไม่สามารถ จนกระทั่งในนาทีที่ 57 บาร์เซโลน่าก็หนีห่างเป็น 2-0 จาก เปโดร โรดริเกซ รีล มาดริดถูกนำ 2-0 แต่ยังไม่ละความพยายาม ยังคงบุกเพื่อสร้างโอกาส แต่จนแล้วจนรอดก็ทำประตูไม่ได้ จบเกมส์ บาร์ซ่า บุกมาเอาชนะได้ถึงถิ่น 2-0 พร้อมเก็บ 3 แต้มขึ้นนำเป็นจ่าฝูง ทิ้งแต้มห่างราชัน 3 แต้ม


ฟิออเรนติน่า 2-2 อินเตอร์ มิลาน (กัลโช่ เซเรีย อา)

อินเตอร์ มิลานทีมที่กำลังลุ้นแชมป์ต้องสะดุด เมื่อต้องมาเยือนทีมม่วงมหากาฬ โดยที่เจ้าถิ่นขึ้นนำในนาทีที่ 11 กว่าจะตามตีเสมอได้ก็เข้าสู่นาทีที่ 75 แต่หลังจากนั้นอีกเพียง 6 นาที ทีมงูใหญ่ก็ขึ้นนำ แต่เจ้าถิ่นก็ตามตีเสมอจนได้ในนาทีที่ 82จบ 90 นาทีเสมอกันไป 2-2 อินเตอร์ยังครองจ่าฝูงแต่ แข่งมากกว่า โรม่า 1 นัด แต้มห่างเพียง 2 แต้มเท่านั้น


แอสตัน วิลล่า 0-3 เชลซี (เอฟเอ คัพ)

รอบรองชนะเลิศของถ้วย เอฟเอคัพ ในเกมส์นี้ ในช่วง 1 ชม.แรก แอสตัน วิลล่า ทำเกมส์ตอบโต้การบุกของเชลซีได้น่ากลัวพอสมควรแต่ยังไม่มีสกอร์สำหรับทั้ง 2 ทีม จนนาทีที่ 68 ดร็อกบาก็ส่งบอลสู่ก้นตาข่ายได้เชลซีนำ 1-0 วิลล่าต้องเปิดเกมส์รุกมากขึ้น แต่กลับเป็นสิงห์ผยองได้ประตูเพิ่มจาก ฟลอร็องต์ มาลูด้า และในช่วงทดเจ็บ แลมพาร์ดก็ทำประตูได้จบเกมส์ เชลซีเข้ารอบชิงรอพบผู้ชนะระหว่าง สเปอร์ส และ ปอร์ทสมัธ


วันพฤหัสบดีที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2553

ลิเวอร์พูล 4-1 เบนฟิก้า (ยูโรป้าลีก)

ลิเวอร์พูลเปิดบ้านถล่มเบนฟิก้าผู้มาเยือนจากโปรตุเกส ไปแบบสบายๆ 4 ประตูต่อ 1 ซึ่งนัดแรกลิเวอร์พูลแพ้มา 2-1 ผลประตูรวมลิเวอร์พูลเข้ารอบด้วยประตูรวม 5-3 เข้าไปพบ ทีมตราหมี แอตเลติโก มาดริด


สตองดาร์ ลีแอซ 1-3 ฮัมบูร์ก (ยูโรป้าลีก)

นัดที่แล้วสตองดาร์ ลีแอซบุกไปพ่าย ฮัมบูร์กมา 1-2 เริ่มเกมส์เจ้าถิ่นก็มีโอกาสหลายจังหวะด้วยกันแต่กลับเป็น ฮัมบูร์กที่ได้ประตูนำไปก่อนในนาทีที่ 20 หลังจากนั้นเจ้าบ้านก็รุกหนัก จนมาได้ประตูตีเสมอในนาทีที่ 32 แต่ผู้มาเยือนก็ขึ้นนำอีกครั้งใน 3 นาทีต่อมา เจ้าถิ่นพยายามบุกเอาประตูตีเสมอ แต่ก็ทำไม่ได้ แล้วในนาทีสุดท้ายก็ถูกทีมเยือนซัดอีก 1 เม็ด รวมผล 2 นัด ฮัมบูร์กเข้ารอบด้วยผลรวม 5-2


โวล์ฟบวร์ก 0-1 ฟูแล่ม (ยูโรป้าลีก)


โวล์ฟบวร์กมีโอกาสเข้ารอบมากเมื่อนัดแรกได้ประตูอเวย์โกล์ในนาทีสุดท้าย นัดนี้แค่ชนะ 1-0 ก็จะเข้ารอบ แต่เริ่มเกมส์มาได้เพียง 21 วินาที ฟูแล่มก็บุกมายิงได้จากลูกพลิกบอลเข้าไปยิงอย่างเหนือชั้นของ บ็อบบี้ ซาโมร่า หลังจากได้ประตูขึ้นนำ ก็มีโอกาสจะบวกสกอร์เพิ่มขึ้น แต่เจ้าบ้านก็ไม่ปล่อยให้ทีมเยือนมาบุกกดดันฝ่ายเดียว เกมส์จึงเปิดแลกกันสนุกเพราะเจ้าบ้านต้องยิง 2 เม็ดเพื่อต่อเวลา และ 3 เม็ดเพื่อเข้ารอบ แต่เกมส์ของเจ้าถิ่นไม่ได้เหนือกว่ามากกลับเป็นฝ่ายที่จะเสียประตูเพิ่มมากกว่า จบเกมส์ ฟูแล่มบุกมาเอาชนะในถิ่นของโวล์ฟบวร์กได้ 1-0 เข้ารอบด้วยสกอร์รวม 3-1 เข้าไปพบกับฮัมบูร์กในรอบต่อไป


วันพุธที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2553

บอร์กโดซ์ 1-0 โอลิมปิค ลียง (ยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก)


ในเกมส์นี้บอร์กโดซ์ได้กลับมาเล่นในบ้านตนเองซึ่งมีข้อแม้ว่าต้องทำผลห่างประตูอย่างน้อย 2 ประตูขึ้นไปจึงจะเข้ารอบ ซึ่งเกมส์ในครึ่งแรกเป็นฝ่ายเจ้าบ้านบุกกดดันทีมเยือนอย่างหนักกว่าจะประสบผลสำเร็จก็ปาเข้าไปในนาทีที่ 43 จากการยิงของ อาลู ดิร์ยาร่า ครึ่งหลังลียงแก้เกมส์ได้ดี และมีโอกาสตีเสมออยู่หลายครั้ง แต่ยังทำไม่ได้ เมื่อเวลาใกล้หมดลงความกดดันตกเป็นของเจ้าบ้านซึ่งก็มีโอกาสแต่ก็ทำประตูเพิ่มไม่ได้ จบเกมส์ บอร์กโดซ์ชนะ 1-0 แต่ไม่พอต่อการเข้ารอบ 4 ทีมสุดท้าย โอลิมปิค ลียงเข้ารอบด้วยผลประตูรวม 3-2 นัดหน้าต้องเจอกับเสือใต้ที่ผ่านแมนยู มาได้


แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3-2 บาเยิร์น มิวนิค (ยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก)

ทีมเจ้าถิ่นผีแดงแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดบ้านต้อนรับบาเยิร์น มิวนิค โดยที่ในเกมส์นี้มีรูนีย์ลงเล่นเป็นตัวจริง เร่มเกมส์ไปได้เพียง 3 นาทีเจ้าถิ่นก็แผลงฤทธิ์ ออกนำ 1-0 จากการยิงนอกกรอบเขตโทษของ ดาร์รอน กิ๊บสัน หลังจากเสียประตูแรก เสือใต้ยังไม่สามารถควบคุมเกมส์ในแดนกลางได้ โดนเจาะไปอีก 1 ลูก จากการปราดเข้ามาแล้ว ยิงลูกไขว้ของนานี่ เข้าไปอย่างสวยงาม เกมส์ตกเป็นของแมนยู เกือบทั้งหมด ท้ายครึ่งแรกทีมเยือนก็เริ่มครองเกมส์และมีโอกาสที่จะได้ประตูเช่นกัน แต่ก็ยังไม่สามารถส่งบอลผ่านมือ ฟาน เดอ ซาร์ ได้ แล้วแมนยู ก็ทำสกอร์หนีห่างเป็น 3-0 เมื่อ นานี่ แปเสยคานเข้าไป แต่ อีกแค่ 2 นาทีต่อมาเสือใต้ก็ตีไข่แตกสำเร็จจาก อีวิก้า โอลิช ศูนย์หน้าจอมขยัน จบ 45 นาทีแรก แมนยู ใกล้จะได้ตั๋วเข้าสู่รอบรองเป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกัน แต่เริ่มครึ่งหลังมาได้เพียง 5 นาที เจ้าถิ่นก้เหลือผู้เล่นแค่ 10 คนเมื่อ ราฟาเอลโดนใบเหลืองใบที่ 2 เป็บใบเหลือง-แดง หลังจากนั้นทีมเยือนก็เป็นฝ่ายปูพรมบุกเพื่อทำประตูเพิ่ม แต่ผีแดงก็ตั้งเกมส์รับอย่างเหนียวแน่นและรอสวนกลับ แต่แล้วนาทีที่ 74 แฟนทีมเยือนก็ได้เฮเมื่อ ร๊อบเบนยิงประตูไล่มาเป็น 2-3 จบเกมส์ 90 นาที แมนยูชนะ 3-2 รวมผล 2 นัด 4-4 แต่ตกรอบด้วยกดการยิงประตูทีมเยือน


วันอังคารที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2553

ซีเอสเคเอ มอสโก 0-1 อินเตอร์ มิลาน (ยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก)

เกมส์ที่แล้ว มอสโกพ่ายมา 1-0 นัดนี้ได้กลับมาเล่นในบ้านจึงค่อนข้างมีความหวัง แต่ทีมเยือนก็ทำประตูออกนำไปก่อนเมื่อเกมส์เล่นไปเพียง 6 นาที หลังจากนั้นเจ้าถิ่นก็พยายามบุก แต่ก็ไม่สามารถทำสกอร์คืนมาได้ แต่พอเริ่มครึ่งหลังมาได้เพียง 4 นาที เจ้าบ้านก็ยิ่งเสียเปรียบเข้าไปอีกเมื่อผู้เล่นโดนไล่ออก แต่เจ้าถิ่นก็ไม่ละความพยายามยังคงตั้งหน้าตั้งตาบุก แต่จรแล้วจนรอดก็ไม่สามารถทำประตูได้ แต่เกือบจะเสียประตูเพิ่มด้วยซ้ำ จบ 90 นาที อินเตอร์เข้ารอบด้วยประตูรวม 2-0 เข้าไปพบ บาร์เซโลน่า


บาร์เซโลน่า 4-1 อาร์เซน่อล (ยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก)

นัดแรกของคู่นี้เสมอกันมา 2-2 ชนดที่ว่าทีมปืนใหญ่น่าจะแพ้ นัดนี้มาเล่นในรังของทีมเจ้าบุญทุ่ม แต่เริ่มเกมส์ได้เพียง 18 นาที ทีมเยือนได้ประตูนำไปก่อนจากนิคลาส เบนด์เนอร์ ออกนำไป 1-0 ช็อกแฟนบอลเจ้าถิ่น แต่ให้หลังเพียง 3 นาที เมสซี่ ก็ยิงตีเสมอให้บาร์เซโลน่าได้ และหลังจากนั้น เมสซี่ก็ทำแฮททริกเมื่อทำอีก 2 ประตูในนาทีที่ 37 และ 42 จบครึ่งแรกบาร์เซโลน่านำ 3-1 ครึ่งหลัง เมสซี่บวกอีก 1 ประตูให้กับเจ้าถิ่นขึ้นนำเป็น 4-1 ในนาทีที่ 88 จบเกมส์บาร์เซโลน่าเข้ารอบด้วยประตูรวม 6-3 ไปเจอกับอินเตอร์มิลาน


วันอาทิตย์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2553

บาร์เซโลน่า 4-1 แอตเลติก บิลเบา (ลาลีกา สเปน)

บาร์ซ่าขนสำรองลงสนามเปิดบ้านไล่ถล่ม แอตเลติก บิลเบา อย่างเหนือชั้น แล้วแซง รีลมาดริดขึ้นนำเป็นจ่าฝูงชั่วคราว จากการทำประตูของ เจฟเฟรน ซัวเรซ ในนาทีที่ 26 , โบยาน เกร์กิช ในนาทีที่ 39 และ 59 , ลีโอเนล เมสซี่ ในนาทีที่ 67 ส่วนทีมเยือนได้ประตูตีไข่แตกของ มาร์เกล ซูซาเอต้า ในนาทีที่ 77


ชาลเก้ 1-2 บาเยิร์น (บุนเดสลีกา)

ชาลเก้ทีมอันดับ 1 พบ บาเยิร์นทีมอันดับ 2 ถ้าเกมส์นี้ชาลเก้ชนะจะมีแต้มทิ้งห่างเสือใต้เป็น 5 แต้ม แล้วบาเยิร์นก็ขึ้นนำเจ้าถิ่นเป็น 1-0 จากการยิงของฟร้องก์ ริเบรี่ แต่ชาลเก้ก็เสียลูกที่ 2 ทันทีเมื่อเริ่มเขี่ยบอลเมื่อจังหวะ ฮามิต อัลตินท็อป ได้บอลจากกองหลังชาลเก้ที่จับบอลไกลตัวเกินไปส่งบอลให้ อิวิก้า โอลิช แล้วผ่านให้มุลเลอร์แปโล่งๆ เป็น 2 ประตูต่อ 0 และในนาทีที่ 31 เจ้าถิ่นก็ตีไข่แตกจากการโหม่งของ เควิน คูรานนี่ ก่อนจบครึ่งแรกบาเยิร์นเหลือผู้เล่น 10 คนเมื่ออัลตินท็อปเสียบผู้เล่นชาลเก้อย่างน่าเกลียดจึงโดนใบเหลืองใบที่ 2 แต่ครึ่งหลังเจ้าถิ่นก็ไม่ได้ได้เปรียบอะไรเลยจากการที่มีผู้เล่นมากกว่า ท้ายที่สุด บาเยิร์นมาคว้า 3 แต้มในบ้านชาลเก้ได้สำเร็จขึ้นนำเป็นจ่าฝูงอีกครั้ง


บารี่ 0-1 โรม่า (กัลโช่ เซเรีย อา)

โรม่าสามารถเก็บ 3 แต้มได้จากการไปเยือนบารี่ ซึ่งรูปเกมส์เหนือกว่าเจ้าบ้านเพียงเล็กน้อยแต่สามารถขึ้นนำได้ในนาทีที่ 19 เกมส์จะเล่นกันในแดนกลางเป็นส่วนมาก และเจ้าบ้านก็ไม่สามารถลำเลียงบอลขึ้นไปให้ศูนย์หน้าได้มีโอกาสพังประตูเลย ทั้งๆที่ ช่วงครึ่งหลังโรม่าเพลาการบุกอย่างเห็นได้ชัด จบเกมส์โรม่าคว้า 3 แต้มเป็นที่ 2 ตามหลัง อินเตอร์เพียง 1 แต้มเท่านั้น


วันเสาร์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2553

กายารี่ 2-3 เอซี มิลาน(กัลโช่ เซเรีย อา)

เอซี มิลาน เป็นอีก 1 ทีมที่ยังมีโอกาสคว้าสคูเด็ตโต้ได้ บุกมาชนะกายารี่ ถึงถิ่น เมื่อขึ้นนำได้ตั้งแต่นาทีที่ 7 แต่เพียง 10 นาทีต่อมาก็โดนทีมชาวเกาะไล่ตีเสมอ แต่แล้วอีก 2 นาที มิลานก็ขึ้นนำอีกครั้ง แต่นาทีที่ 32 เจ้าถิ่นก็ตามตีเสมอได้อีกเป็นครั้งที่ 2 แล้วในนาทีที่ 38 มิลานก็ขึ้นนำอีกครั้งจากการทำเข้าประตูตัวเองของกองหลังกายารี่ ครึ่งหลังกายารี่บุกหนักหวังตีเสมอให้ได้ แต่ มิลานตั้งรับและเก็บ 3 แต้มออกไปได้รั้งตำแหน่งที่ 3ของลีกต่อไป


อินเตอร์ มิลาน 3-0 โบโลญญ่า

อินเตอร์ มิลานหวังแก้ตัวในเกมส์นี้ เพราะเกมส์ที่แล้วแพ้โรม่าไป 2-1 ทำให้ช่องว่างระยะห่างของแต้มน้อยลง ซึ่งทีมงูใหญ่ก็ไม่พลาดสามารถเก็บ 3 แต้มแบบสบายเท้า ชนะผู้มาเยือนไป 3-0 ยังคงเป็นทีมนำในลีกอิตาลี


เบิร์นลีย์ 1-6 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (พรีเมียร์ ลีก)


แมนเชสเตอร์ ซิตี้ บุกมาขย้ำ เบิร์นลี่ย์ถึงถิ่น 6 ประตูต่อ 1 เริ่มเกมส์แค่เพียง 7 นาที เรือใบสีฟ้าก็ออกนำเจ้าถิ่น ไป 3-0 จาก อเดบายอร์ นาทีที่ 4 , เบลลามี่ นาทีที่ 5 , เตเวซ นาทีที่ 7 และในนาทีที่ 20 ก็มาได้เพิ่มจากลูกโขกของ วิเอร่า ช่วงท้ายเกมส์ในครึ่งแรก อเดบายอร์ก็บวกสกอร์เพิ่มอีก 1 เม็ด จบครึ่งแรก แมนฯ ซิตี้ออกนำเจ้าถิ่น 5-0 เริ่มครึ่งหลังทีมเยือนยังไม่เพลาการบุก และมาได้ประตูเพิ่มจาก แวงซองต์ กอมปานีในนาทีที่ 68 และกว่าที่ทีมเจ้าถิ่นจะได้เฮก็ปาเข้าสู่นาทีที่ 71 จากการยิงสวน เช กิฟเว่น อย่างงดงาม จบเกมส์เจ้าถิ่นแพ้หมดรูปไป 6-1 ยังต้องดิ้นรนหนีการตกชั้นต่อไป


อาร์เซน่อล 1-0 วูล์ฟแฮมตัน (พรีเมียร์ลีก)

อาร์เซน่อลยังมีโอกาสลุ้นแชมป์ถ้าเกมส์นี้สามารถเอาชนะ วูล์ฟได้ เพราะคู่หัวค่ำ แมนยู พ่ายเชลซีไป แต่ใน 45 นาทีแรก เกมส์เป็นของเจ้าถิ่นแต่ก็ไม่สามารถพังประตูขึ้นนำ นัดนี้แนวรับของวูล์ฟทำงานอย่างหนักมาก เกมส์ทำท่าจะจบลงด้วยการแบ่งแต้มกันไป แต่เบนท์เนอร์ก็พุ่งโขกประตูชัยที่มีค่าให้กับทีมปืนโต ทำให้เก็บ 3 แต้มสำคัญและยังมีโอกาสลุ้นแชมป์อยู่


แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-2 เชลซี (พรีเมียร์ ลีก)


เกมส์นี้เป็นเกมส์ที่ตัดสินแชมป์อย่างไม่เป็นทางการของศึกพรีเมียร์ ลีก เมื่อแมนยู ทีมอันดับ 1เปิดรัง โอล์ดแทรฟฟอร์ดรับการมาเยือนของสิงห์บลู เชลซี ทีมอันดับ 2 ถ้าแมนยูชนะนัดนี้จะมีแต้มทิ้งห่างเชลซี เป็น 4 แต้ม แต่เริ่มเกมส์มาได้ 20 นาทีทีมเยือนกลับเป็นฝ่ายขึ้นนำก่อน 1-0 จาก โจ โคล แต่เจ้าบ้านก็มีโอกาสสวนบ้างแต่ยังไม่เป็นสกอร์ จบครึ่งแรกเชลซีนำ 1-0 เริ่มครึ่งหลังมาเจ้าบ้านบุกกดดันทีมเยือนอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังไม่สำเร็จ จึงถูกเชลซียิงเพิ่มจากจังหวะล้ำหน้าของ ดร็อกบา แต่ผู้ตัดสินไม่ยกธง ดร็อกบา จึงยิงให้เชลซีนำห่างเป็น 2-0 แต่อีก 2 นาทีต่อมา เจ้าถิ่นก็ตีไข่แตกได้จากจังหวะบอลมาโดนตัว มาเคด้า เข้าประตู หลังจากนั้นแมนยู ก็พยายามกดดันหวังประตูตีเสมอให้ได้ แต่จบ 90 นาที แมนยูจึงแพ้ในบ้านตัวเองแก่ เชลซี ทำให้เชลซีขึ้นนำเป็นจ่าฝูงมีคะแนนมากกว่าแมนยู 2 แต้ม โดยที่ทั้ง 2 ทีมมีโปรแกรมการเตะอีกทีมละ 5 นัด


วันศุกร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2553

บาเลนเซีย 2-2 แอตเลติโก มาดริด (ยูโรป้าลีก)

ศึกยูโรป้าลีกนัดนี้เป็นศึกสายเลือดระหว่างบาเลนเซียกับแอตเลติโก มาดริด ซึ่งบาเลนเซียได้เป็นเจ้าบ้านก่อนในนัดแรกนี้ แต่เจ้าถิ่มทำได้เพียงเสมอกับทีมเยือนไป 2-2 โดยที่ทีมเยือนเป็นฝ่ายออกนำก่อนทั้ง 2 ครั้ง


วันพฤหัสบดีที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2553

ฟูแล่ม 2-1 โวล์ฟบวร์ก (ยูโรป้าลีก)

ฟูแล่มเปิดบ้านรับการมาเยือนทีมแชมป์บุนเดสลีกาเมื่อปีที่แล้ว โดยที่ 45 นาทีแรกยังไม่มีทีมใดสามารถทำประตูได้ แต่พอเริ่มครึ่งหลังในนาทีที่ 59 เจ้าบ้านก็ออกนำก่อนจากการทำประตูของ บ๊อบบี้ ซาโมร่า และอีกแค่ 4 นาทีต่อมา เดเมี่ยน ดัฟ ก็วิ่งซัดบอลเสียบเสาแรกอย่างสวยงามทำให้เจ้าสัวน้อยนำห่างเป็น 2 ประตูต่อ 0 หลังจากนั้นทีมเยือนก็รุกหนักและได้ประตูตีตื้นในนาทีที่ 89 จบเกมส์ฟูแล่มนำไปก่อนในนัดแรก 2-1


อินเตอร์ มิลาน 1-0 ซีเอสเคเอ มอสโก(ยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก)

งูใหญ่อินเตอร์ มิลานเปิดบ้านเฉือนชนะ มอสโก จากรัสเซียไป 1 ประตูต่อ 0 จากดิเอโก้ มิลิโต้ โดยที่รูปเกมส์ไม่ได้เหนือกว่าทีมเยือนสักเท่าไหร่ แต่ยังได้เปรียบในการชนะในบ้านตนเองซึ่งนัดหน้าต้องไปเยือนถิ่มรัสเซีย


อาร์เซน่อล 2-2 บาร์เซโลน่า (ยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก)

ทีมปืนใหญ่เจองานหนักเมื่อเปิดบ้านรับการมาเยือนของทีมเจ้าบุญทุ่มบาร์เซโลน่า สกอร์ครึ่งแรกจบที่ 0-0 แต่เกมส์เป็นของบาร์เซโลน่าแต่เพียงฝ่ายเดียวซึ่งมีโอกาสในการทำประตูเยอะมากแต่ก็ไม่สามารถขยับสกอร์ขึ้นนำได้ แต่พอเริ่มครึ่งหลังมาได้ไม่ถึง 1 นาทีจาก ซลาตัน อิบราฮิโมวิช หลังจากนั้นในนาทีที่ 59 ทีมเยือนก็หนีห่างเป็น 2-0 และเป็นประตูที่ 2 ของ ซลาตันด้วย หลังจากนั้น อาร์แซน เวงเกอร์ ต้องปรับเปลี่ยนแผนโดยให้ ธีโอ วัลคอร์ต ลงมา ซึ่งก็ได้ผลเพราะแค่ 2 นาที วัลคอร์ตก็ทำประตูได้สำเร็จไล่มาเป็น 1-2 และในช่วงท้ายเกมส์ อาร์เซน่อลก็ตีเสมอได้สำเร็จจากลูกจุดโทษของเชส ฟราเบกัส นัดหน้าต้องไปเยือนคัมป์ นู โดยปราศจาก เชส


วันอังคารที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2553

โอลิมปิค ลียง 3-1 บอร์กโดซ์ (ยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก)


ศึกสายเลือดในถ้วยยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก เป็นฝ่ายเจ้าบ้านที่สามารถเก็บชัยได้ในนัดแรก 3-1 รูปเกมส์ค่อนข้างสนุกเปืดเกมส์รุกสู้กันอย่างไม่กลัว


บาเยิร์น มิวนิค 2-1 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (ยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก)

ศึกยูฟ่าแชมเปี้ยนลีกรอบ 8 ทีมสุดท้ายเป็นการเจอกันอีกครั้งของ 2 ทีมยักษ์ใหญ่ที่เคยเจอกันในถ้วยใบนี้เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ซึ่งแมนยู เป็นฝ่ายเอาชนะบาเยิร์นได้ในนัดชิง มาครั้งนี้บาเยิร์นค่อนข้างเสียเปรียบเพราะฟอร์มการเล่น 2 นัดในลีกเป็นฝ่ายปราชัยด้วยสกอร์ 1-2 ทั้ง 2 นัด ผิดกับทีมเยือนซึ่งเล่นได้ดีวันดีคืน เริ่มเกมส์มาได้เพียง 2 นาที แฟนบอลบาเยิร์นก็ต้องอึ้งเมื่อ เวนย์ รูนี่ย์ ส่งบอลสู่ก้นตาข่าย ให้ทีมเยือนขึ้นนำก่อน 1-0 และเกือบได้ประตูขึ้นนำอีกหลายจังหวะ แต่จบ 45 นาทีแรก สกอร์ไม่เปลี่ยนแปลง แต่พอครึ่งหลังเริ่มขึ้น เกมส์ก็ตกเป็นของเจ้าบ้านเกือบทั้งหมดและก็ได้ประตูตีเสมอจาก ฟร้องก์ ริเบรี่ ที่ยิงลูกฟรีคิกไปแฉลบกำแพงแมนยู หังจากได้ประตูตีเสมอบาเยิร์นก็หวังจะเอาชนะให้ได้ และแล้วในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ อีวิก้า โอลิชก็ยิงประตูชัยให้กับเจ้าถิ่นได้ จบเกมส์บาเยิร์นชนะ 2-1 นัดหน้าต้องไปเยือนแมนยู แค่ผลเสมอก็จะทำให้เสือใต้ผ่านเข้ารอบไปได้


วันจันทร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2553

แอตเลติก บิลเบา 4-3 ราซิ่ง ซานตาเดร์ (ลาลีกา สเปน)

ราซิ่ง ทีมที่อยู่ในโซนท้ายตารางพยายามทุกวิถีทางเพื่อความอยู่รอด แต่เกมส์นี้ความพยามยามไม่เป็นผล เพราะเจ้าบ้านไม่ปล่อยให้ทีมเยือนมีโอกาสขึ้นนำเลยซักครั้ง ในเกมส์นี้ ยิงกันมันส์มาก ในช่วงท้ายครึ่งหลังและทดเวลายังมีการทำประตู จบเกมส์ บิลเบาก็เก็บแต้มได้ในถิ่นตนเอง


แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 3-0 วีแกน (พรีเมียร์ลีก)


แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เริ่มเกมส์ครึ่งแรกไม่ค่อยได้เรื่องซักเท่าไหร่ จนช่วงเวลาหมดครึ่งแรกแฟนเจ้าถิ่นก็โห่ที่ทีมตัวเองเล่นไม่เอาไหน แต่เริ่มครึ่งหลังมาได้เพียง 11 นาที วีแกนก็เหลือตัวผู้เล่นเพียง 10 คนเท่านั้นเมื่อ แกรี่ คัลด์เวลล์เสียบสองเท้าเข้าใส่ เตเวซอย่างน่าเกลียด หลังจากนั้นเกมส์จึงตกเป็นของเจ้าบ้าน แต่กว่าจะได้ประตูต้องรอไปจนถึงนาทีที่ 72 จาก คาร์ลอส เตเวซ และหลังจากนั้นอีก 3 นาที เตเวซก็บวกสกอร์ให้ตัวเองและ แมน ซิตี้ หนีห่างเป็น 2-0 แล้วเตเวซก็ทำแฮตทริกได้ในนาทีที่ 84 จบเกมส์แมนซิตี้ ได้ 3 แต้ม แซง ลิเวอร์พูลกลับไปอยู่อันดับที่ 5 อีกครั้ง


เอซี มิลาน 1-1 ลาซิโอ (กัลโช่ เซเรีย อา)

นัดนี้ถ้า เอซี มิลานชนะ จะมีแต้มห่างจากจ่าฝูง อินเตอร์ เพียง 1 แต้มเท่านั้น แต่มาเจอกับ ลาซิโอซึ่งเป็นทีมจอมเสมอจากการเล่นเป็นทีมเยือน 2 ประตูของเกมส์เกิดขึ้นในครึ่งแรกโดยที่ เอซี มิลานขึ้นนำก่อนในนาทีที่ 18 จากลูกจุดโทษ และในนาทีที่32 ทีมเยือนก็สามารถตามตีเสมอได้สำเร็จ หลังจากนั้นทั้ง 2 ฝ่ายต่างมีจังหวะในการทำประตูหลายครั้งแต่กลับทำประตูกันไม่ได้ จบ 90 นาที เอซี มิลานทำได้แค่เสมอมีคะแนนห่างจากจ่าฝูงอยู่ 3 คะแนน


ฟิออเรนติน่า 4-1 อูดิเนเซ่ (กัลโช่ เซเรีย อา)

ฟิออเรนติน่าโชว์ฟอร์มเฉียบเปิดบ้านถล่ม อูดิเนเซ่ 4 ประตู ต่อ 1 โดยได้ประตูแรกในนาทีที่ 36 จากลูกฟรีคิกสุดสวยของ ฮวน มานูเอล วาร์กัสบอลพุ่งชนเสาในแล้วเข้าประตูไปอย่างสวยงาม แต่ในอีก 5 นาทีต่อมา ทีมเยือนก็ตามตีเสมอได้สำเร็จจาก เปเป้ จบครึ่งแรกเสมอกันไป 1-1 แต่เริ่มครึ่งหลังมาได้ 10 นาที เจ้าบ้านก็ออกนำอีกครั้งจาก จิลาร์ดิโน่ หลังจากนั้นก็เป็นเจ้าบ้านที่เป็นฝ่ายครองเกมส์และได้ประตูเพิ่มอีก 2 ลูกจากซานตาน่า ในนาทีที่ 68 และโยเวติช ในนาทีที่ 84 จบสกอร์ 4-1


วันอาทิตย์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2553

ยูเวนตุส 2-1 อตาลันต้า (กัลโช่ เซเรีย อา)

เจ้าบ้านทำผลงานได้น่าผิดหวังมาหลายนัดแล้วในนัดนี้ก็เกือบจะทำให้แฟนบอลผิดหวังอีกครึ่ง เมื่อขึ้นนำในนาทีที่ 30 จาก เดล ปิเอโร่ แต่ก็ถูกตีเสมอในช่วงทดเวลาครึ่งแรกจาก อโมรูโซ่ และมาได้ประตูชัยในนาทีที่ 82 ของเฟลิเป้ เมโล่ ตัวสำรองที่เพิ่งเปลี่ยนลงมา ทำให้ม้าลายคว้า 3 แต้มขึ้นนำ ซามพ์โดเรียเป็นที่ 6 เพราะซามพ์โดเรียทำได้เพียงเสมอกายารี่


บียาร์รีล 3-0 เซบีย่า (ลาลีกา สเปน)


บียาร์รีล รับการมาเยือนของ เซบีย่า ทีมที่เพิ่งเปลี่ยนผู้จัดการใหม่ เริ่มเกมส์ไปเพียง 4 นาที เจ้าถิ่นก็ได้ประตูขึ้นนำไปก่อนจาก จูเซปเป้ รอสซี่ และมาบวกสกอร์เพิ่มได้อีกครั้งในนาทีที่ 17 เกมส์เกือบจะเป็นของเจ้าถิ่น แต่ทีมเยือนก็มีโอกาสลุ้นประตูบ้างแต่ไม่บ่อยนัก ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บในครึ่งหลัง บียาร์รีลก็ได้ประตูตอกย้ำชัยชนะ จบเกมส์ เจ้าถิ่นชนะ 3-0


รีล มาดริด 3-2 แอตเลติโก มาดริด (ลาลีกา สเปน)

ราชันชุดขาว รีลมาดริดเป็นทีมเดียวในลาลีกาสเปนที่เล่นในบ้านตัวเองในฤดูกาลนี้ แข่ง 14 นัด ชนะ 14 นัด และชนะติดกันในลีกเป็นนัดที่ 10 แต่เกมส์นี้ไม่ง่ายนักเพราะเป็นดาร์บี้แมทช์แห่งเมือง มาดริด เริ่มเกมส์ไปเพียง 9 นาที เจ้าบ้านโดนทีมเยือนลูบคมก่อนโดย อันโตนิโอ เรเยส ซัดให้แอต.มาดริดขึ้นนำก่อน 1-0 และสามารถรักษาสกอร์จนจบครึ่งแรก แต่พอเริ่มครึ่งหลังเจ้าบ้านก็โชว์ฟอร์มเก่งให้ดู กลับมายิง 3 เม็ดแซงขึ้นนำ 3-1 ในนาทีที่ 48 , 55 และ 62 แต่ทีมเยือนก็พยายามฮึดสู้ และตีตื้นมาเป็น 3-2 แต่ก็ทำได้ดีที่สุดเพียงเท่านั้น หมดเวลา รีล มาดริด เก็บ 3 แต้มขึ้นจ่าฝูงเหมือนเดิม


ลิเวอร์พูล 3-0 ซันเดอร์แลนด์ (พรีเมียร์ลีก)


ลิเวอร์พูลเปิดบ้านถลุง ซันเดอร์แลนด์ไปแบบสบายเท้า 3-0 โดยกองหน้าตัวเก่ง ตอเรส ยิงคนเดียว 2 เม็ด และ จอห์นสันอีก 1 เม็ด ทำให้คว้า 3 แต้มแซงแมนซิตี้ ขึ้นเป็นอันดับ 5


วันเสาร์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2553

เลเวอร์คูเซ่น 0-2 ชาลเก้ (บุนเดสลีกา)


เกมส์นี้ถ้าใครชนะจะขึ้นนำจ่าฝูงเพราะคู่หัวค่ำ บาเยิร์นดันแพ้ให้กับสตุ๊ตการ์ท เริ่มเกมส์ไปเพียง 11 นาที ชาลเก้ก็ขึ้นนำจากการทำประตูของ คูรานี่ แล้วคูรานี่ก็บอกสกอร์ให้กับตัวเองอีกครั้งในนาทีที่ 28 หลังจากนั้นทั้ง 2 ทีมทำอะไรกันไม่ได้ จบ 90 นาที ชาลเก้คว้า 3 แต้มพร้อมแซงเสือใต้ขึ้นนำจ่าฝูง


บาร์เยิร์น มิวนิค 1-2 สตุ๊ตการ์ท (บุนเดสลีกา)


บาร์เยิร์น พักผู้เล่นบางตำแหน่งเพื่อความสดเพราะกลางสัปดาห์ต้องเจอกับ แมนยู แต่บาร์เยิร์นก็ขึ้นนำก่อนในนาทีที่ 32 แต่ก่อนจบครึ่งแรกทีมม้าขาวก็ได้เฮเมื่อ คริสเตียน เทรช ยิงแฉลบบาดสตูร์เบอร์เปลี่ยนทางเสมอเป็น 1-1 แต่เริ่มครึ่งหลังเพียง 5 นาทีทีมเยือนกลับได้ประตูอีกครั้ง ทำให้เสือใต้พ่าย 2 นัดติดกันแต่ยังคงเป็นที่ 1 เพราะทีมอันดับ 2 และ3 จะเตะกันเองเป็นคู่ดึก


โรม่า 2-1 อินเตอร์ มิลาน (กัลโช่ เซเรีย อา)


โรม่า ทีมอันดับ 2 ในตารางศึกกัลโช่ เซเรีย อา เปิดบ้านต้อนรับทีมอันดับ 1 อย่างอินเตอร์ มิลาน อย่างสุดมันส์ เริ่มเกมส์ไปเพียง 17 นาที โรม่าก็ได้ประตูจาก รอสซี่ หลังจากนั้นก็ผลัดกันบุกอย่างสนุก จบครึ่งแรกสกอร์ยังเป็นเจ้าถิ่นนำ 1-0 เริ่มครึ่งหลังอินเตอร์บุกหนัก หวังจะตีเสมอให้ได้และมาประสบความสำเร็จในนาทีที่ 66 จาก มิลิโต้ แต่อีกแค่ 7 นาทีโรม่าก็หนีไปอีกจากการทำประตูของ ลูก้า โทนี่ ก่อนหมดเวลาอินเตอร์บุกกดดันจะเอาประตูตีเสมอให้ได้ แต่ก็ทำได้ดีที่สุดแค่นั้น จบเกมส์โรม่าได้เพิ่มอีก 3 คะแนนลดช่องว่างเหลือเพียง 1 คะแนนเท่านั้น


รีล มายอร์ก้า 0-1 บาร์เซโลน่า (ลาลีกา สเปน)

บาร์เซโลน่าเจอเกมส์ยากเมื่อต้องไปเยือน รีล มายอร์ก้า ซึ่งกำลังเป็นช่วงขาขึ้นของทีม แต่ก็ยังไม่สามารถหยุดความแกร่งของผู้มาเยือนได้แม้ไม่มีเมสซี่ในครึ่งแรก เจ้าบ้านเกือบขึ้นนำหลายจังหวะ แต่แล้วในนาทีที่ 63 ก็กลับเสียประตูให้กับ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช


เบอร์มิงแฮม 1-1 อาร์เซน่อล (พรีเมียร์ลีก)


อาร์เซน่อลหวังเก็บ 3 แต้มเพื่อให้ตัวเองยังอยู่ในเส้นทางของการลุ้นแชมป์ แต่ว่าในครึ่งแรกอาร์เซน่อลยังไม่สามารถเค้นฟอร์มเก่งออกมาได้ทำให้เสมอกันไป 0-0 ในครึ่งเวลาแรก แต่กว่าที่จะมีการทำประตูก็ผ่านเข้าสู่นาทีที่ 81 จากการส่องจากหน้ากรอบเขตโทษของ ซามีร์ นาสรี่ เกมส์ทำท่าจะจบลงด้วยชัยชนะของอาร์เซน่อล แต่ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ เควิน ฟิลลิปส์ กองหน้าตัวเก๋าก็ส่งบอลผ่านอัลมูเนีย ให้เบอร์มิงแฮมตีเสมอได้สำเร็จ


โบลตัน 0-4 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (พรีเมียร์ลีก)


เกมส์นี้แมนยูพัก เวนย์ รูนี่ย์ เพราะกลางสัปดาห์ต้องเจองานหนักเมื่อต้องเผชิญกับ บาเยิร์น มิวนิค แต่การพักศูนย์หน้าร่างอวบก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับผีแดง สามารถบุกไปชนะ โบลตันได้ 4-0 จากการทำประตูของ เบอร์บาตอฟ 2 เม็ด ดาร์รอน กิ๊บสัน 1 เม็ด และกองหลังโบลตันทำเข้าประตูตัวเอง ทวงบัลลังก์จ่าฝูงคืน


เชลซี 7-1 แอสตัน วิลล่า (พรีเมียร์ลีก)


เชลซีเปิดบ้านถล่มแอสตัน วิลล่า เละ 7 ประตูต่อ 1 โดย แฟร้งค์ แลมพาร์ด ยิงคนเดียว 4 ประตู ฟลอร็องต์ มาลูด้า 2 ประตู และ โซโลมง กาลู 1 ประตู แอสตันวิลล่า ได้ประตูจาก ยอห์น คาริว จบ 90 นาทีเชลซีขึ้นเป็นจ่าฝูงชั่วคราว เพราะ แมนยู เตะเป็นคู่ดึก


วันศุกร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2553

โบคุ่ม 1-2 แฟร้งเฟิร์ต (บุนเดสลีกา)


โบคุ่มเปิดบ้านรับแฟร้งเฟิร์ต เจ้าบ้านต้องการ 3 แต้มเพื่อหนีโซนตกชั้น แต่ต้องมาเจอแฟร้งเฟิร์ต ที่นัดก่อนเอาชนะบาเยิร์น มิวนิคไปได้ เริ่มเกมส์ไปเพียง 10 นาที โบคุ่มก็ขึ้นนำลูกแปของ เลวิส โฮล์ทบี้ แต่แฟร้งเฟิร์ตก็ตามตีเสมอได้ในนาทีที่ 29 และได้ประตูขึ้นนำในนาทีที่ 64 หมดเวลา 90 นาที แฟร้งเฟิร์ตบุกเก็บชัยสำเร็จ


วันพฤหัสบดีที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2553

นาโปลี 3-1 ยูเวนตุส (กัลโช่ เซเรีย อา)

เริ่มเกมส์ไปเพียง 7 นาที ยูเวนตุสออกนำไปก่อน 1-0 จากการโขกของ จอร์โจ้ คิเอลลินี่ หลังจากนั้น เจ้าถิ่นก็ครองเกมส์ได้และมีโอกาสทำประตูอีกหลายครั้ง แต่พอเริ่มครึ่งหลังมาได้เพียงนาทีเดียวนาโปลีก็ได้ลูกโทษจากการทำฟาวล์ในเขตโทษ แต่มาเร็ค ฮัมซิค กลับยิงชนคานออกไปอย่างน่าเสียดาย แต่ฮัมซิคก็แก้ตัวได้สำเร็จในนาทีที่ 51 และเจ้าถิ่นก็บวกสกอร์เพิ่มเป็น 2-1 และ 3-1 ในช่วงท้ายเกมส์ ทำให้นาโปลี คว้า 3 แต้ม ขึ้นเป็นที่ 6 แซงหน้ายูเวนตุส ที่มีคะแนนเท่ากันแต่ลูกได้เสียดีกว่า


เคตาเฟ่ 2-4 รีล มาดริด (ลาลีกา สเปน)

รีลมาดริดคว้า 3 แต้มจากการไปเยือน เคตาเฟ่ สุดมันส์ เริ่มเกมส์แค่เพียง 13 นาที คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ก็ปั่นฟรีคิกเข้าสามเหลี่ยม หมดสิทธิ์ที่ผู้รักษาประตูเคตาเฟ่จะป้องกันได้ และได้ประตูต่อมาในนาทีที่ 20 และ 23 จาก กอนซาโล่ อิกัวอิน และนาทีที่ 37 จากโรนัลโด้ แต่เจ้าถิ่นมาตีไข่แตกในนาทีต่อมาจบครึ่งแรกรีล มาดริดนำ 4-1 ครึ่งหลังโอกาสของเจ้าบ้านมีเยอะขึ้นและก็ไล่มาเป็น 2-4 ในนาทีที่ 80 ช่วงท้ายทั้งสองทีมเกือบจะบวกสกอร์เพิ่มได้ทั้งคู่ จบ 90 นาที ราชันชุดขาวได้ 3 แต้มขึ้นนั่งบัลลังก์จ่าฝูงอีกครั้ง


วันพุธที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2553

บาร์เซโลน่า 2-0 โอซาซูน่า (ลาลีกา สเปน)

บาร์เซโลน่า เปิดบ้านเก็บ 3 แต้มสบายเท้า โดยเกมส์ตกเป็นของเจ้าบ้านทั้งหมด แต่กว่าที่บาร์เซโลน่าจะได้ประตูก็ผ่านเข้าสู่นาทีที่ 72 จากการทำประตูของ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช แต่เจ้าถิ่นก็ยังไม่ปล่อยให้ทีมเยือนได้มีโอกาสได้หายใจ จนในนาที่ที่ 89 ก็ได้อีก 1 ประตูจาก โบยาน ทำให้บาร์เซโลน่าทำแต้มแซง รีล มาดริด นำเป็นจ่าฝูงชั่วคราว


โบโลญญ่า 0-2 โรม่า (กัลโช่ เซเรีย อา)

โรม่า บุกเยือนโบโลญญ่า คว้า 3 แต้มไล่จี้จ่าฝูงอินเตอร์ มิลาน เหลือเพียง 4 แต้มเท่านั้น และรั้งอันดับ 2 ร่วมกับทีม เอซี มิลาน จากการทำประตูในต้นครึ่งหลังของรีเซ่ และก่อนหมดเวลาเพียง 8 นาทีจากฝีเท้าของ บาปติสต้า


ปาร์ม่า 1-0 เอซี มิลาน (กัลโช่ เซเรีย อา)

นัดนี้เจ้าถิ่น ปาร์ม่า เจองานหนัก เพราะเจ้าถิ่นขาดผู้เล่นบางตำแหน่ง เกมส์ใน 45 นาทีแรก สู้กันอย่างสูสี ในครึ่งหลังทีมเยือนครองเกมส์ได้มากกว่าเล็กน้อยและมีโอกาสในการปิดสกอร์มากกว่าเจ้าถิ่น แต่ในนาทีสุดท้าย ปาร์ม่ากลับได้ประตูชัยอย่างไม่น่าเชื่อ จากการทำประตูของ วาเลรี่ โบยินอฟ ตัวสำรอง จบเกมส์ เจ้าถิ่นคว้า 3 แต้มปล่อยให้เอซี มิลานทีมที่กำลังลุ้นแชมป์ต้องมีคะแนนห่างจ่าฝูงไปเป็น 4 คะแนน


อินเตอร์ มิลาน 3-0 ลิวอร์โน่ (กัลโช่ เซเรีย อา)

Goal Highlight Inter Milan 3-0 Livorno (Calcio Seria A)


อินเตอร์ มิลาน เปิดบ้านรับการมาเยือนของลิวอร์โน่ ในทีมมีการปรับเปลี่ยนผู้เล่นหลายตำแหน่งด้วยกัน โดยในครึ่งแรกอินเตอร์ มิลานทำเกมส์ได้ดีกว่า และนำไปก่อน 2-0 จากการทำประตูของ ซามูเอล เอโต้ และในครึ่งหลังได้ประตูจาก ดั๊กลาส ไมค่อน จบเกมส์เก็บ 3 แต้ม ทิ้งอันดับ 2 อย่างโรม่า และ เอซี มิลาน ห่างเป็น 4 แต้ม


แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 0-2 เอฟเวอร์ตัน (พรีเมียร์ลีก)


แมนซิตี้เปิดบ้านรับการมาเยือนของเอฟเวอร์ตันซึ่งเจ้าบ้านถ้าชนะนัดนี้จะแซงสเปอร์สขึ้นเป็นที่ 4 แต่เจ้าบ้านกลับไม่สามารถทำได้อย่างนั้น เพราะในเกมส์นี้เอฟเวอร์ตัน เล่นได้ดีจริง จึงบุกมาเก็บ 3 แต้มได้


ปอร์ทสมัธ 0-5 เชลซี (พรีเมียร์ลีก)


เชลซีเก็บ 3 แต้มได้จากการบุกมาถล่มเจ้าถิ่น ปอร์ทสมัธ ซึ่งน่าจะได้ตั๋วกลับไปเล่นในลีกแชมเปี้ยมชิพในฤดูกาลหน้าแน่นอน ถึง 0 ประตูต่อ 5 และกลับขึ้นรั้งเป็นอันดับ 2 แซงหน้าอาร์เซน่อลอีกครั้ง


วันจันทร์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2553

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-1 ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีก)


ศึกวันแดงเดือดนัดนี้เริ่มเกมส์เพียง 5 นาที ทีมเยือนกลับขึ้นนำก่อนจากลูกโขกของกองหน้าตัวเก่ง เฟอร์นันโด ตอเรส หลังจากนั้น แมนยูก็พยายามเริ่มเกมส์ของตัวเองใหม่ จนกระทั่งในนาทีที่ 12 ก็ได้ลูกจุดโทษจากการทำฟาวล์ของ มาสเคราโน่ดึง วาเลนเซียในกรอบเขตโทษ รูนี่ย์รับหน้าที่สังหาร เรย์น่า ประตูลิเวอร์พูลพุ่งถูกทาง แต่ลูกบอลเป็นใจกระเด็นมาเข้าทางรูนี่ย์ ซัดเข้าทำให้เสมอ 1-1 ถัดมาในนาทีที่ 60 แฟนเจ้าถิ่นก็ได้เฮ เมื่อ ปาร์ค จีซุง โหม่ง เข้าจากการเปิดของ ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ จบเกมส์ แมนยูสามารถเก็บ 3 แต้มได้และขึ้นจ่าฝูงอีกครั้ง


เอซี มิลาน 1-1 นาโปลี (กัลโช่ เซเรีย อา)

เอซี มิลานพลาดขึ้นจ่าเมื่อเล่นในบ้าน แต่กลับถูกทีมเยือน นาโปลี ทำประตูออกนำก่อน ในนาทีที่ 14 แต่ยังดีที่กองหน้าจอมเก๋าอย่างอินซากี้ โหม่งตีเสมอให้เจ้าถิ่น ในนาทีที่ 26 และในครึ่งหลัง พลพรรคปีศาจแดงดำก็เดินเครื่องบุกกดดันหวังจะเอาประตูเพิ่ม แต่ก็ไม่สามารถทำได้ รบเกมส์มิลานเป็นอันดับที่ 2 มีแต้มตามหลังจ่าฝูง อินเตอร์มิลานเพียง 1 แต้มเท่านั้น


โวล์ฟบวร์ก 1-5 แฮร์ธ่า เบอร์ลิน (บุนเดสลีกา)

โวล์ฟบวร์กแชมป์เก่าเปิดบ้านรับการมาเยือนของทีมบ๊วย เริ่มเกมส์เพียงแค่ 6 นาที ทีมเยือนก็ขึ้นนำอย่างรวดเร็ว และอีกเพียง 2 นาที ต่อมาสกอร์ก็ขยับเป็น 2-0 และ 3-0 ในนาทีที่ 26 แต่ก่อนหมดเวลาครึ่งแรก 10 นาที เจ้าถิ่นได้คืนมา 1 ลูก จาก เอดิน เซโก้ แต่พอเริ่มครึ่งหลัง โวล์ฟบวร์กไม่สามารถกลับมาในเกมส์ได้ ถูก แฮร์ธ่า เบอร์ลิน ยิงอีก 2 เม็ด จบเกมส์แพ้หมดรูปไป 1-5


ฮัมบูร์ก 2-2 ชาลเก้ (บุนเดสลีกา)

ชาลเก้พลาดท่าในการคว้า 3 แต้มเพื่อแซง บาเยิร์น มิวนิค ขึ้นนำเป็นจ่าฝูง โดยในนัดนี้ชาลเก้โดนเจ้าถิ่นขึ้นนำก่อน 1-0 ก่อนหมดครึ่งแรกเพียง 5 นาที แต่ในครึ่งหลัง ชาลเก้ตามตีเสมอ และแซงขึ้นนำในนาทีที่ 62 และ 67 แต่อีก 10 นาทีต่อมา ฮัมบูร์กก็สามารถตีเสมอได้จากกองหน้าตัวสำรองซึ่งลงมาวาดลวดลายในสนามเพียง 6 นาที จบเกมส์ชาลเก้ คว้า 1 แต้มรั้งอันดับ 2 ซึ่งคะแนนห่างบาเยิร์นเพียง 1 แต้มเท่านั้น


ซาราโกซ่า 2-4 บาร์เซโลน่า (ลาลีกา สเปน)

ลีโอเนล เมสซี่โชว์ฟอร์มเทพกดแฮททริก พาบาร์เซโลน่า บุกถล่ม รีล ซาราโกซ่า ถึงบ้าน 2-4 ทำให้บาร์เซโลน่ามีแต้มเท่าจ่าฝูง รีลมาดริด แต่ผลต่างประตูได้เสียเป็นรอง จึงเป็นอันดับ 2 เท่าเดิม


วันอาทิตย์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2553

แบล๊คเบิร์น 1-1 เชลซี (พรีเมียร์ลีก)

เชลซีพลาดเก็บ 3 แต้มกลับไปจากรังอีวู๊ด ปาร์ก ถิ่นของแบล๊กเบิร์น โรเวอร์ส ทั้งๆที่ เกมส์เริ่มไปเพียงแค่ 6 นาทีก็ขึ้นนำอย่างรวดเร็ว จากการทำประตูของ ดร๊อกบา หลังจากนั้นเจ้าถิ่นก็เริ่มทำเกมส์ได้ดีขึ้นและมีโอกาสตอบโต้อยู่บ้างจนกระทั่งในนาทีที่ 63 ความพยายามของเจ้าถิ่นก็ประสบความสำเร็จ เมื่อ เอล ฮัดจิ ดิยุฟ สามารถโขกประตูตีเสมอได้ 1-1 จบเกมส์เชลซีได้กลับไปเพียง 1 คะแนน เป็นที่ 3 คะแนนตามหลัง แมนยู 4 แต้ม แต่แข่งน้อยกว่า 1 นัด


แฟร้งเฟิร์ต 2-1 บาเยิร์น มิวนิค (บุนเดสลีกา)

เสือใต้พลาดท่าพ่ายแฟร้งเฟิร์ต ทั้งๆที่แค่เพียง 7 นาทีก็ขึ้นนำไปก่อน 1-0 และในครึ่งแรกเกือบจะบวกสกอร์ได้ในหลายจังหวะ แต่ก็ทำได้แค่นั้น ในครึ่งหลังทั้ง 2 ทีมผลัดกันรุกและรับ แต่ก็ยังทำประตูกันไม่ได้ จนกระทั่งนาทีที่ 83 เจ้าถิ่นก็สามารถตีเสมอได้จากกองหน้าดาวรุ่ง ยูเฟล ทีซูมู และก่อนหมดเวลาแค่นาทีเดียวเจ้าถิ่นก็สามารถทำประตูชัยได้จากมาร์ติน เฟนิน ผู้เล่นสำรองอีกคน


วันเสาร์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2553

รีล มาดริด 3-1 สปอร์ติ้ง กิฆอน (ลาลีกา สเปน)

เกมส์นี้รีล มาดริด ยิง 3 ลูกในครึ่งหลัง กลับมาแซงชนะทีมเยือนอย่างสปอร์ติ้ง กิฆอน ซึ่งทีมเยือนได้ประตูนำไปก่อนในนาทีที่ 53 หลังจากนั้นแค่ 2 นาที เจ้าถิ่นก็ได้ลูกตีเสมอ และอีกเพียง 2 นาทีต่อมา ก็แซงขึ้นนำเป็น 2-1 และได้ประตูทิ้งห่างในนาทีที่ 68 จากกอนซาโล่ อิกวาอิน กองหน้าตัวเก่งของทีม


โรม่า 4-2 อูดิเนเซ่ (กัลโช่ เซเรีย อา)

โรม่าเปิดบ้านรับการมาเยือนอูดิเนเซ่ โดยที่เจ้าบ้านขาดตัวหลักหลายตัว แต่ยังดีที่มี ลูก้า โทนี่ และ มีร์โก วูชินิช ซึ่งในนัดนี้ วูชินิช ศูนย์หน้าตัวเก่งของโรม่า สามารถ ทำแฮทริก และ พาโรม่าทำแต้มตามจ่าฝูงเพียง 4 แต้มเท่านั้น


อาร์เซน่อล 2-0 เวสต์แฮม (พรีเมียร์ลีก)

อาร์เซน่อลมีโอการได้ขึ้นนำเป็นจ่าฝูงหากนัดนี้สามารถชนะ เวสต์แฮม แต่ไม่ใช่งานง่ายเพราะเป็น ลอนดอนดาร์บี้แมทช์ ในนัดนี้อาร์เซน่อลเล่น 10 คนในครึ่งหลัง แต่จบเกมส์สามารถเอาชนะไป 2-0


วันพฤหัสบดีที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2553

ฟูแล่ม 4-1 ยูเวนตุส (ยูโรป้า ลีก)

ฟูแล่มเปิดบ้านรับการมาเยือนของทีมดังจากอิตาลี ซึ่งในนัดที่แล้วฟูแล่มแพ้มา 3-1 ในนัดนี้ ต้องต้องเอาชนะให้ได้อย่างน้อย 2 ประตู ซึ่งเมื่อเริ่มไปเพียง 2 นาที ยูเวนตุสกลับขึ้นนำ 1-0 แต่ฟูแล่มก็ตามตีเสมอในอีก 7 นาทีต่อมา และจุดเปลี่ยนของเกมส์อยู่ที่การได้ใบแดงของฟาบิโอ คานาวาโร่ หลังจากนั้นเกมส์จึงตกเป็นของฟูแล่ม ท้ายที่สุดฟูแล่มเข้ารอบด้วยประตูรวม 5-4


บอร์กโดซ์ 2-1 โอลิมเปียกอส (ยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก)

นัดที่แล้วโอลิมเปียกอสพ่ายในบ้านตัวเอง 0-1 เพราะฉะนั้นในนัดนี้ มาเยือนบอร์กโดซ์ จึงต้องทำประตูให้มีผลห่าง 2 ลูกขึ้นไป แต่ท้ายที่สุด โอลิมเปียกอสก็ต้องพ่ายไป 2-1 จากการที่เล่น 10 คนตั้งแต่นาทีที่ 59 บอร์กโดซ์จึงผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย ด้วยประตูรวม 3-1


บาร์เซโลน่า 4-0 สตุ๊ตการ์ท (ยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก)

เกมส์นี้เป็นงานยากของสตุ๊ตการ์ทเนื่องจากในเกมส์ที่แล้วทำได้แค่เสมอกับบาร์เซโลน่าในบ้านของตัวเอง 1-1 ในนัดนี้จึงเป็นงานยากเพราะต้องมาเยือนถึงถิ่น คัมป์นู ของบาร์เซโลน่า เกมส์เริ่มเพียง 13 นาที เจ้าถิ่นก็ได้ประตูแรกจากลูกยิงไกล 20 หลา เข้าประตูไปอย่างสวยงาม หลังจากนั้นเกมส์ก็ตกเป็นของบาร์เซโลน่า ซึ่งในนัดนี้ เมสซี่ ยิงไป 2 ประตู ส่งให้ทีมแชมป์เก่าผ่านเข้าไปรอบ 8 ทีมสุดท้าย


Twitter Delicious Facebook Digg Favorites More