Photobucket

วันจันทร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

บาร์เซโลน่า 5-0 รีล มาดริด (ลาลีกา สเปน)

ทั้งสองทีมเจอกันในช่วงเวลาที่ถือว่าอยู่ในช่วงท๊อปฟอร์มของทั้งคู่ ทางฝั่งเจ้าบ้านไม่แพ้ใครมา 17 นัดติดกันและสามารถเก็บชัยชนะมา5นัดรวด ยิงไปถึง 22 ประตูใน 5 นัดสุดท้ายก่อนเกมส์นี้ ส่วนทีมเยือนนั้นไม่แพ้ใครมา 26 นัดติดกันในทุกรายการ แต่เริ่มเกมส์มาเพียง 10 นาทีทีมเจ้าบุญทุ่มก็ขึ้นนำจากจังหวะที่อิเนียสต้า จ่ายบอลเข้ากลางแต่บอลไปโดนขามาร์เซโล่และลูกกระเด้งเข้าทาง ซาบี เอร์นานเดซ แปผ่านตัว การ์ซิยาสเข้าไปง่ายๆ แต่หลังจากนั้นอีกเพียง 8 นาที บาร์ซ่าก็ขึ้นนำเป็น 2-0 จากจังหวะที่บีย่าลากบอลมาถึงเส้นหลังและเปิดเข้ากลาง บอลติดมือ การ์ซิยาสนิดนึงก่อนมาเข้าทางเปโดร ที่รออยู่หน้าประตู แปเข้าไปง่ายๆ เกมส์ยังคงเป็นบาร์ซ่าที่เล่นได้ดีกว่ามาก แม้ครึ่งหลัง โฆเซ่ มูริญโญ่ จะมีการแก้เกมส์โดยการเปลี่ยนตัวผู้เล่น ลงมาแทนโอซิลที่ไม่มีบทบาทอะไรในเกมส์นี้เลย แต่เกมส์ก็ยังไม่ดีขึ้น จนต้องมาเสียอีก 2 ประตูติดกันในนาทีที่ 55 และ 58 จากดาวิด บีย่า และการเปิดบอลของ เมสซี่ และในนาทีสุดท้ายของเกมส์บาร์ซ่าก็ได้อีกลูกจาก เจฟเฟรน ซัวเรซ จบเกมส์บาร์ซ่าเก็บ 3 แต้มพร้อมแซงขึ้นนำจ่าฝูง


เบรเมน 3-0 ซังต์ เพาลี (บุนเดสลีกา)

เจ้านกนางนวลฟอร์มแย่มากหลังจากไม่ชนะใครมาใน 7 เกมส์หลังสุดในทุกรายการ และทำประตูไม่ได้เลยใน 5 นัดหลัง เริ่มเกมส์มาเพียงนาทีเดียว เจ้าถิ่นก็ยิงประตูขึ้นนำ 1-0 จากการทำประตูของฮูร์โก้ อัลเมยด้า ถัดจากนั้นมาเจ้าบ้านดาหน้าบุกหนักเกือบได้ประตูอีกหลายครั้งและก็มาขึ้นนำ 2-0 จากอัลเมยด้าคนเดิม จากลูกโต้กลับเร็ว แล้วก็เป็นอัลเมยด้าที่สามารถทำประตูที่ 3 เป็นแฮตริกให้กับตัวเองสำเร็จ ในนาทีที่ 64 แต่อัลเมยด้าก็เล่นไม่ครบ 90 นาทีเมื่อไปศอกใส่ผู้เล่นของซังต์ เพาลี จึงโดนใบแดงออกไป แต่ซังต์เพาลีก็ไม่สามารถฉวยความได้เปรียบยิงประตูคืนได้ ซ้ำผู้เล่นยังโดนใบแดงในนาทีที่ 89 จบเกมส์เจ้าถิ่นเก็บ 3 แต้มที่เฝ้ารอได้สำเร็จ


บาเลนเซีย 2-1 อัลเมเรีย (ลาลีกา สเปน)

เจ้าบ้านเปิดเกมส์รุกใส่ทีมเยือนตั้งแต่นาทีแรก และในนาทีที่ 25 เจ้าถิ่นก็ได้ประตูจนได้จาก โรแบโต้ โซลดาโด้ หลังจากได้ประตูเจ้าถิ่นยังไม่เพลาเกมส์รุกแต่พลาดโอกาสจะทิ้งห่างคู่แข่งหลายต่อหลายครั้ง และประตูที่ 2 ของค้างคาวบาเลนเซียก็ได้จาก โซลดาโด้ คนเดิม ในนาทีที่ 63 แต่ทีมเยือนก็มาได้ 1 ลูกในนาทีสุดท้ายจาก โฮเซ่ อูญัว แต่ก็ทำได้เพียงเท่านั้น จบเกมส์ค้างคาวชนะไป 2-1 เก็บ 3 แต้มได้ตามคาด


ปาแลร์โม่ 3-1 โรม่า (กัลโช่ เซเรีย อา)


เจ้าถิ่นเปิดบ้านรับการมาเยือนจากโรม่า เกมส์ดำเนินจนถึงนาทีที่ 20 เจ้าถิ่นก็ขึ้นนำจาก มิคโคลี่ หลังจากเสียประตูโรม่าก็พยามาต่อบอลหาจังหวะทำประตู แต่ก็ยังไม่สำเร็จ จนมาถึงครึ่งหลังในนาทีที่ 61 จากอิลิซิช โรม่ายิ่งบุกหนักเหมือนยิ่งเปิดโอกาสให้เจ้าถิ่นได้ทำเกมส์สวนกลับและก็เป็นประตูที่ 3 จาก อันโตนิโอ โนเชริโน่ แต่ในนาทีสุดท้ายต๊อตติก็ยิงตีไข่แตกให้โรม่า บุกมาแพ้ไป 3-1


วันอาทิตย์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

อินเตอร์ มิลาน 5-2 ปาร์ม่า (กัลโช่ เซเรีย อา)

งูใหญ่ อินเตอร์ มิลาน เปิดบ้านถล่ม ปาร์ม่า ไปแบบไม่ยั้ง 5 ประตูต่อ 2 ทั้งๆที่เริ่มเกมส์เพียง 4 นาทีทีมเยือนขึ้นนำเร็วจาก เครสโป แต่เพียงนาทีที่ 18 เจ้าบ้านก็ไล่ตามตีเสมอจนได้จากลูกยิงไกลของ เดยัน สแตนโควิช ยิงแฉลบกองหลัง และนาทีต่อมาก็ขึ้นนำเป็น 2-1 จากสแตนโควิชคนเดิมยิงแฉลบขากองหลังเป็นประตูอีกครั้ง ผ่านมาอีกแค่ 5 นาทีอินเตอร์ก็หนีห่างเป็น 3-1 จากลูกชาร์จจ่อๆของ เอสเตบัน กัมบิอัสโซ่ แต่นาทีที่ 36 เครสโปก็ยิงไล่ให้ปาร์ม่าตามมาเป็น 3-2 เริ่มครึ่งหลัง ปาร์ม่าพยายามบุกกดดันเจ้าถิ่น แต่กลับเป็นอินเตอร์ที่หนีห่างไป 4-2 จากมอตต้าที่เพิ่งถูกเปลี่ยนลงมาถัดมาอีกเพียง 3 นาทีเจ้าถิ่นก็ทิ้งเป็น 5-2 จากสแตนโควิช ซึ่งเป็นลูกที่ 3 ในเกมส์นี้และให้งูใหญ่เก็บชัยชนะเหนือคู่แข่งได้สำเร็จ


นิวคาสเซิ่ล 1-1 เชลซี (พรีเมียร์ลีก)


เริ่มเกมส์เพียง 6 นาทีเจ้าบ้านขึ้นนำเร็วเมื่อ เชลซีพลาดเสียบอลในแดนกลาง และเป็นจังหวะสวนทันทีของเจ้าถิ่น จากการยิงของ แคร์โรลล์ แต่เชลซีก็บุกกดดันหนักและมาได้ลูกตีเสมอในช่วงทดเวลาบาดเจ็บของครึ่งแรกจาก ซาโลมง กาลู ครึ่งหลังเกมส์ยังสูสีกันแม้ว่าทีมเยือนจะมีโอกาสมากกว่าก็ตาม ในนาทีที่ 76 ดร็อกบายิงบอลเข้าประตูไป แต่กรรมการเป่าเป็นลูกแฮนด์บอลตั้งแต่จังหวะแรก หลังจากนั้นไม่มีใครทำประตูได้ ผลเสมอทำให้เชลซีต้องเป็นแค่รองจ่าฝูงและมีแต้มตามหลังแมนยู 2 แต้ม


ท๊อตแน่ม ฮอตสเปอร์ 2-1 ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีก)


หงส์แดงลิเวอร์พูลเจองานหนักเมื่อต้องมาพบกับไก่เดือยทองในช่วงที่ท๊อปฟอร์ม แต่เกมส์โดยรวมสูสีกันมาก ทั้งสองฝ่ายต่างมีจังหวะและโอกาสหวาดเสียว แต่แล้วก่อนหมดเวลาครึ่งแรกเพียง 3 นาทีเจ้าถิ่นก็เสียประตูจากการทำประตูของ มาร์ติน สเคอร์เทล จบครึ่งแรกลิเวอร์พูลนำ 1-0 เริ่มครึ่งหลังมา เจ้าบ้านพยายามโหมบุกเพื่อหวังตีเสมอ แล้วในที่สุดนาทีที่ 65 ก็เป็น สเคอร์เทลคนเดิมที่ทำประตูเพิ่ม แต่ประตูที่ได้เพิ่มกลับเป็นของสเปอร์ เพราะดันสกัดลูกเข้าประตูตัวเอง แล้วในช่วงทดเจ็บ อารอน เลนน่อนก็ทำให้แฟนบอลหงส์แดงเศร้าไปตามๆกัน เมื่อหลุดเข้าไปยิงผ่านตัวเรน่า ให้เจ้าบ้านเฉือนชนะไป 2-1 ทำให้สเปอร์ขึ้นไปอยู่ที่ 5 ของตารางคะแนน


วันเสาร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 7-1 แบล๊คเบิร์น (พรีเมียร์ลีก)

เกมส์เริ่มเพียง 2 นาทีเจ้าถิ่นก็ขึ้นนำ 1-0 จากการยิงของเบอร์บาตอฟ หลังจากนั้นผีแดงก็ได้ประตูที่ 2 และ 3 ในนาทีที่ 23 จากปาร์ก จี ซุง และนาที่ที่ 27 จากเบอร์บาตอฟ ครึ่งแรก แมนยูนำก่อน 3-0 ครึ่งหลังเริ่มได้เพียง นาทีเดียวแมนยู ก็นำเป็น 4-0 จากหัวหอกบัลแกเรีย จากการเปิดของนานี่ แมนยูยังไม่เพลาการบุก แค่นาทีที่ 48 นานี่ได้บอลเลี้ยงจี้และตัดบอลเข้าด้านในซัดบอลตุงตาข่าย ผีแดงนำ 5-0 นาที่ที่ 61 เบิร์บ ซัดลูกที่ 4 ของตัวเองและพาทีมขึ้นนำ 6-0 เกมส์ยังไม่จบแค่นั้น ในนาทีที่ 70 เบิร์บก็ยิงลูกที่ 5 ในเกมส์นี้ได้ และขึ้นนำเป็นดาวซัลโว 11 ประตูทันที แต่ก่อนหมดเวลา 7 นาที ทีมกุหลาบไฟก็ยิงตีไข่แตกจนได้ จากคริสโตเฟอร์ แซมบ้า จบ 90 นาทีเจ้าถิ่นเก็บ 3 แต้มพร้อมขึ้นเป็นจ่าฝูง


วันพุธที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

พานาธิไนกอส 0-3 บาร์เซโลน่า (ยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก)

ทีมเจ้าบุญทุ่มยกพลบุกมาถล่มพานาธิไนกอสถึงถิ่น 0-3 แม้ว่าช่วงสุดสัปดาห์ต้องทำศึกใหญ่กับรีล มาดริดก็ตาม เริ่มเกมส์มาเพียง 26 นาที เปโดร ก็ซัดมุมแคบให้ทีมขึ้นนำไปก่อน 1-0 หลังจากนั้นนาทีที่ 63 เมสซี่ก็ทำประตูที่ 23 จากทุกถ้วยในฤดูกาลนี้ และอีกลูกจากเปโดร ในนาทีที่ 68 จบเกมส์บาร์ซ่าคว้าตั๋วเข้าไปเล่นในรอบต่อไปแบบสบายเท้า


ท๊อตแน่ม ฮอตสเปอร์ 3-0 แวร์เดอร์ เบรเมน (ยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก)


เกมส์ที่ 5 ในรอบแบ่งกลุ่มศึกยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก นัดนี้ สเปอร์กำลังฟอร์มสดมากๆ เปิดบ้านถล่มทีมเจ้านกนางนวลจากเยอรมันไป 3-0 โดยเริ่มเกมส์มาเพียง 6 นาทีเจ้าบ้านก็ขึ้นนำจากการทำประตูของยูเนส กาบูล และมาได้ประตูที่ 2 ในช่วงทดเวลาครึ่งแรกจาก ลูก้า โมดริช กระดกบอลข้ามหัวกองหลังแล้วซัดเข้าไป่อย่างสวยงาม ครึ่งหลังเกมส์ยังคงเป็นของเจ้าถิ่นและมาได้ลูกจุดโทษจากจังหวะที่ เฟลิกซ์ โครส ไปเกี่ยวโมดริชในเขตโทษ แกเร็ธ เบลรับหน้าที่สังหาร แต่ ทิม วีเซ่เซฟได้ง่ายๆ ทำให้ทีมพลาดโอกาสขึ้นนำ 3-0 แต่แล้วในนาทีที่ 79 สเปอร์ก็ได้ลูกที่ 3 จนได้จากปีเตอร์ เคร้าช์ จบเกมส์ สเปอร์เก็บ 3 แต้มพร้อมผ่านเข้ารอบได้สำเร็จ


กลาสโกว์ เรนเจอร์ส 0-1 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (ยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก)


เกมส์นี้แมนยูต้องการเพียงแค่ 1 แต้มก็จะสามารถเข้ารอบต่อไปได้ ท่านเซอร์จึงจัดทัพให้แผงหลังดาวรุ่งได้ลงมาโชว์ฝีมือบ้าง เกมส์ในครึ่งแรกเป็นของทีมเยือนซะเป็นส่วนใหญ่ แต่เจ้าบ้านก็มีโอกาสเสียวบ้างแต่จบ 45 นาที ยังเสมอกัน 0-0 ครึ่งหลังเกมส์ก็ยังคงเป็นของทีมผีแดงที่ครองบอลได้ดีกว่าและน่าจะขึ้นนำในหลายจังหวะ แต่แล้วก่อนหมดเวลาแค่ 3 นาที แมนยูก็ได้ลูกจุดโทษจากจังหวะที่ฟาบิโอเติมเกมส์รุกเข้ามาโหม่งในเขตโทษของเรนเจอร์ แต่โดนเนย์สมิธเตะเข้าเต็มอก กรรมการไม่ลังเลให้แมนยูได้จุดโทษ และก็เป็นรูนนี่ที่สังหารแมนยู เอาชนะไป 1-0 ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายเป็นที่แน่นอน


วันอาทิตย์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

บาเยิร์น มิวนิค 3-0 เนิร์นแบร์ก (บุนเดสลีกา)


ฟอร์มบาเยิร์น ร้อนแรงมากโดยเฉพาะ มาริโอ โกเมซ ซึ่งซัดไปแล้ว 5 ประตูในซีซั่นนี้ มาเกมส์นี้เริ่มเพียง 10 นาที โกเมซก็แผลงฤทธิ์ อีกเมื่อ ดานิเยล ปรานยิช จ่ายเข้ากลาง โกเมซยิงเข้าไปง่ายๆ หลังจากนั้นเกมส์ก็ยังเป็นเจ้าบ้านที่ทำเกมรุกได้ดีกว่าเยอะและมีโอกาสได้ประตูที่สองอีกหลายครั้ง จนกระทั่งกว่าจะได้ประตูที่สองต้องรอจนถึงนาทีที่ 57 จากลูกจุดโทษจากฟิลิปป์ ลาห์ม และลูกที่ 3 ในนาทีที่ 75 จากโกเมซคนเดิม จบ 90 นาที เสือใต้เก็บ 3 แต้ม ขยับขึ้นมาเป็นอันดับ 6 โดยมีแต้มตาม ดอร์ทมุนด์ จ่าฝูงถึง 12 แต้ม


อินเตอร์ มิลาน 0-1 เอซี มิลาน (กัลโช่ เซเรีย อา)

เกมส์มิลาน ดาร์บี้ แมทช์เริ่มมาได้เพียง5 นาที มาร์โก มาเตรัซซี่ กองหลังงูใหญ่ ไปเกี่ยวขา อิบราโมวิชล้มในเขตโทษ ผู้ตัดสินชี้ให้เป็นลูกโทษ อิบราโมวิชรับหน้าที่สังหาร ปิศาจแดงดำ ขึ้นนำเร็ว 1-0 หลังจากนั้นเกมส์ยังคงเป็นของทีมเยือนที่ครองบอลได้ดีกว่า แต่ไม่สามารถบวกประตูเพิ่มได้ จนนาทีที่60 ทีมเยือนก็เหลือผู้เล่นแค่ 10 คน เมื่ออินยาซิโอ อบาเต้ โดนใบเหลืองที่สองกลายเป็นใบแดง ช่วงท้ายอินเตอร์บุกหนักหวังตีเสมอให้ได้ แต่ เอซี มิลานก็สามารถรักษาสกอร์เอาไว้ได้ จบเกมส์ มิลานเก็บ 3 แต้มพร้อมกลับขึ้นนำจ่าฝูงอีกครั้ง


สปอร์ติ้ง กิฆอน 0-1 รีล มาดริด (ลาลีกา สเปน)

ราชันย์ชุดขาวมาเยือนด้วยฟอร์มสุดยอด หลังจากไม่แพ้ใครมา 10 นัด นัดนี้เกมส์โดยรวมเป็นของรีล มาดริด ที่ทำได้ดีกว่าเยอะ แต่ผู้รักษาประตูของ กิฆอนนั้นวันนี้โชว์ซุปเปอร์เซฟได้หลายต่อหลายครั้ง แต่ในที่สุดในนาทีที่ 82 ราชันย์ชุดขาวก็ได้ประตูจนได้ จาก กอนซาโล่ อิกวาอิน จบเกมส์ รีลมาดริด คว้า 3 แต้มกลับขึ้นมานำจ่าฝูงอีกครั้ง


เชลซี 0-3 ซันเดอร์แลนด์(พรีเมียร์ลีก)


เริ่มเกมส์เชลซีทำเกมส์ได้เหนือกว่าซันเดอร์แลนด์เล็กน้อย ในครึ่งแรกเชลซีมีโอกาสสร้างความหวาดเสียวให้ผู้มาเยือนบ้าง แต่ไม่เป็นประตู แต่ช่วงทดเวลาบาดเจ็บทีมจากแดนอีสานก็ช็อกแฟนบอลเจ้าถิ่นเมื่อ โอนูโอฮา ตัดบอลได้แล้วเลี้ยงบอลหลบ ผู้เล่นเชลซีถึง 3 คน หลุดเข้าไปยิงหักมุมผ่านตัว ปีเตอร์ เช็ก ซันเดอร์แลนด์ขึ้นนำ 1-0 เริ่มครึ่งหลัง เชลซีบุกหนักหวังทวงประตูคืน แต่เป็นทีมเยือนที่สามารถบวกสกอร์เพิ่มจาก อซาโมอาร์ กียาน ในนาทีที่ 52 แล้วทีมแมวดำก็ฝังสิงห์บลูสนิทเมื่อ แอชลีย์ โคล จ่ายคืนหลัง แต่ถูกเวลเบ็ก ตัดบอลแปสวนตัว เช็กเข้าไปง่ายๆ จบเกมส์ ซันเดอร์แลนด์สร้างเซอร์ไพรส์ถล่มเชลซีไป 0-3 แต่เชลซียังนำเป็นจ่าฝูง เพราะมีแต้มห่างจากที่สองอยู่ 2 แต้ม


ยูเวนตุส 1-1 โรม่า (กัลโช่ เซเรีย อา)


หากทีมม้าลายเก็บชัยได้ในนัดนี้จะทำให้ทีมขึ้นมาอยู่อันดับ2 ก่อน เพราะอีกหลายทีมมีคิวเตะในวันรุ่งขึ้น เปิดเกมส์มาในครึ่งแรกเป็นเจ้าถิ่นที่ครองเกมส์ได้ดีกว่าเล็กน้อย และมาได้ประตูขึ้นนำในนาทีที่ 35 จากลูกวอลเลย์สุดสวยของ วินเชนโซ่ ยาควินต้า แต่หมาป่าแห่งกรุงโรมก็มาได้ลูกโทษในช่วงทดเวลาบาดเจ็บในครึ่งแรก ต๊อตติ ยิงเข้าไปให้สกอร์กลับมาเสมอกันอีกครั้ง เปิดครึ่งหลังมา ทั้ง 2 ทีมสู้กันอย่างสนุก แต่ก็ไม่มีฝ่ายใดที่สามารถบวกสกอร์ได้ จบ 90 นาทีแบ่งแต้มกันไป


โวล์ฟบวร์ก 2-2 ชาลเก้(บุนเดสลีกา)


โวล์ฟบวร์กเปิดบ้านเสมอกับ ชาลเก้สุดมันส์ 2-2 ซึ่งได้ประตูตั้งแต่นาทีที่11 จากกราฟิเต้ และ นาทีที่33 จาก เอดิน เซโก 2 กองหน้าของทีม แต่ทีมเยือนไม่ยอมแพ้ อีก 8 นาทีต่อมาก็ได้ประตูตีไข่แตกจาก เอดู ครึ่งหลังกลับเป็นชาลเก้ที่ทำเกมส์ได้ดีกว่าและเกือบตีเสมอได้หลายครั้ง จนนาทีที่75 คลาส แยน ฮุนเตลาร์ ก็ยิงเข้าประตูได้สำเร็จแต่จากภาพช้า บอลโดนแขนฮุนเตลาร์ก่อนจะยิงเข้าประตู ผู้เล่นโวล์ฟบวร์กเข้าไปประท้วงผู้ตัดสิน แต่ผู้ตัดสินยืนยันว่าเป็นประตู ถัดมาอีกแค่ 3 นาที เจ้าบ้านต้องเหลือผู้เล่นเพียง 10 คนจากการที่ อัสคาน เดยาการ์ไปฟาว์ล หลังจากนั้น ชาลเก้หวังจะเก็บ 3 แต้มให้ได้ แต่ครบ 90 นาทีผลออกมาเสมอแบ่งแต้มกันไป


ไกเซอร์สเลาเทิร์น 3-3 สตุ๊ตการ์ท(บุนเดสลีกา)

ม้าขาวสตุ๊ตการ์ทบุกมาเยือนด้วยฟอร์มอันร้อนแรง ครึ่งแรก ม้าขาวนำก่อน 2-0 จาก อาร์ตู โบก้า และนาทีที่32 จาก คาเคาและมาได้เพิ่มอีก 1 เม็ดจากลูกจุดโทษ คริสเตียน เกนท์เนอร์ สังหารไม่เหลือ แต่เจ้าถิ่นมีแรงฮึดมายิงตีไข่แตกได้ในนาทีที่58 จาก อิลิยาน มิทซันสกี้ และมายิงประตูที่ 2 และมายิงตีเสมอได้ในนาทีที่ 76 และ 78 จาก อิโว อิลิเซวิช และ มัทธิอัส อาเบล ทำให้ปีศาจแดงแห่งเบตเซนแบร์ก เก็บ 1 แต้มได้อย่างเหลือเชื่อ


แอตเลติโก มาดริด 3-0 โอซาซูน่า (ลาลีกา สเปน)


เกมส์ในครึ่งแรกเป็นเจ้าบ้านที่ครองเกมส์ได้เป็นส่วนใหญ่ แล้วเจ้าบ้านก็ได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากการซ้ำของดีเอโก ฟอร์ลัน ดาวยิงของทีม ทีมเยือนเกือบได้ประตูตีเสมอ แต่ผู้รักษาประตูสามารถเซฟไว้ได้ และทีมตราหมีก็มาได้ประตูที่ 2 ในนาทีที่ 40 จาก กุน อเกวโร่ โหม่งเข้าไปจากการเปิดของฟอร์ลัน กลับมาเล่นในครึ่งหลังเกมส์ของทีมเยือนยังไม่ดีขึ้นแถมยังต้องเสียตัวผู้เล่นในนาทีที่ 60 เมื่อนาโช่ มอนเรอัล ไปทำแฮนด์บอลจึงถูกใบเหลืองใบที่สองเป็นใบเหลืองแดง เจ้าบ้านได้เปรียบตัวผู้เล่นเพียง 10 นาทีก็ทิ้งห่างเป็น 3-0 จาก ฟอร์ลันคนเดิมจบ 90 นาทีแอตเลติโก มาดริด เก็บ 3 แต้มสบายๆ


บาร์เซโลน่า 3-1 บียาร์รีล (ลาลีกา สเปน)

เจ้าบุญทุ่ม บาร์เซโลน่าฟอร์มร้อนแรงชนะมา 4 นัดรวด นัดนี้ต้องต้อนรับทีมแกร่งอย่างบียาร์รีล รูปเกมส์เจ้าบ้านทำได้ดีกว่ามาก แต่ทีมเยือนก็สามารถหาจังหวะตอบโต้ได้บ้าง แต่นาทีที่21 บาร์ซ่าก็ขึ้นนำจนได้จากการยิงของ เดวิด บีย่า และในนาทีที่ 24 บาร์ซ่าน่าจะนำเป็น 2-0 จากการหลุดเดี่ยวของเมสซี่ และจ่ายบอลโล่งๆแปเข้าประตูไป แต่ผู้ตัดสินยกธงให้เป็นลูกล้ำหน้าไปแล้ว หลังจาหนั้นบียาร์รีลสวนกลับมาทันทีและได้ประตูตีเสมอจาก นิลมาร์กองหน้าทีมชาติบราซิล หลังจากนั้นต่างฝ่ายต่างมีโอกาสเพิ่มสกอร์ให้แต่ไม่สำเร็จจบครึ่งแรกเสมออยู่ 1-1 นาทีที่ 58 เมสซี่ประสานงานกับ เปโดร โรดริเกซ ชิ่ง 1-2 แล้วชิปมุมแคบผ่านผู้รักษาประตูอย่างสวยงาม หลังจากนั้นนาทีที่ 83 เมสซี่ก็ยิงประตูที่ 10 ของตัวเองในฤดูกาลนี้ ให้บาร์ซ่าชนะบียาร์รีลไป 3-1 พร้อมขึ้นนำจ่าฝูงชั่วคราว


สโต๊ค ซิตี้ 2-0 ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ ลีก)


ครึ่งแรกเป็นฝ่ายสโต๊คที่มีโอกาสมากกว่าลิเวอร์พูลและครองเกมส์ได้มากกว่าแต่ไม่สามารถจบสกอร์ได้ครึ่งแรกจึงเสมอกัน 0-0 แล้วนาทีที่56 แฟนหงส์แดงก็เซ็งกันไป เมื่อสโต๊ค ได้ประตู จากลูกชุลมุนแถวหน้าประตู จังหวะสุดท้าย ริคาร์โด้ ฟูลเลอร์ จิ้มบอลเข้าไปตุงตาข่าย ลิเวอร์บุกหนักหมายทวงประตูคืนแต่ก็เกือบเสียลูกที่สองอีก จนกระทั่งช่วงทดเจ็บ เจอร์ราร์ดวางบอลยาวแต่ถูกตัดเกมส์ได้แล้วโต้กลับมาให้ เคนวีน โจนส์ ลากบอลเข้าเขตโทษ แล้วซัดผ่านมือเรน่า ให้เจ้าบ้านเอาชนะหงส์แดงไป 2-0


ท๊อตแน่ม ฮอตสเปอร์ 4-2 แบล๊คเบิร์น (พรีเมียร์ ลีก)


สเปอร์เปิดบ้านต้อนรับกุหลาบไฟ เริ่มเกมส์มาได้เพียง 16 นาที เจ้าบ้านก็ขึ้นนำก่อนจากลูกโหม่งของ แกเรธ เบลล์ สเปอร์น่ามีโอกาสทำสกอร์เพิ่มจากการได้จุดโทษ แต่พาฟลูเชนโกยิงออกไปอย่างน่าเสียดาย แต่ก่อนหมดเวลา 3 นาทีก็ได้ประตูที่ 2 จนได้ จากพาฟลูเชนโก ครึ่งหลังเกมส์ยังเป็นของเจ้าบ้าน นาทีที่ 63 ก็ได้ประตูนำห่างเป็น 3-0 จากปีเตอร์ เคร้าช์ และนาทีที่ 76 เบล ก็ทำประตูที่สองของตัวเองได้ ถัดมาอีก 4 นาที ทีมเยือนก็ได้ประตูตีไข่แตกจาก เดวิด ดันน์ แบล๊คเบิร์นยังคงบุกแล้วก็ได้ประตูที่ 2 ก่อนหมดเวลาเพียงนาทีเดียว สเปอร์สเก็บ3 แต้มไปอย่างสุดมัน


วันเสาร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

แอสตัน วิลล่า 2-2 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (พรีเมียร์ ลีก)


ก่อนเกมส์นี้ปิศาจแดงมีแต้มตามหลังเชลซี ถึง 4 แต้ม จึงต้องการชัยชนะนัดนี้เพื่อไม่ให้คู่แข่งทิ้งห่างมากเกินไปนัก รูปเกมส์ในครึ่งแรก แมนยู มีโอกาสได้ประตูแต่ไม่สามารถทำได้สำเร็จ จบครึ่งแรกด้วยสกอร์ 0-0 เริ่มครึ่งหลังเป็นฝ่ายเจ้าบ้านมีโอกาสขึ้นนำแต่ก็ยิงชนเสาไปถึง 2 ครั้ง แต่แล้วความพยายามของวิลล่าก็บรรลุผลเมื่อกองหลังแมนยู ไปสกัดกองหน้าวิลล่าล้มในกรอบเขตโทษ กรรมการเป่าเป็นลูกจุดโทษทันที เป็นแอชลีย์ ยัง รับหน้าที่สังหารให้วิลล่าขึ้นนำแมนยู 1-0 ในนาทีที่ 72 ถัดมาอีกเพียง 4 นาที แฟนบอลผีแดงก็ช็อกอีกครั้งเมื่อวิลล่าสวนกลับ แล้วดาวนิ่งก็เปิดเข้ากลางประตู อัลไบรตัน ชาร์จเข้าไปง่ายๆ วิลล่า นำ 2-0 หลังจากนั้นแมนยูก็โหมบุกอย่างหนักเพื่อทวงประตูคืน แล้วในนาทีที่ 81 มาเคด้าที่ลงมาเป็นตัวสำรองก็ซัดประตูสุดสวยตีไข่แตกได้สำเร็จ แมนยูยังคงบุกหนักแล้วนาทีที่ 85 แฟนแมนยูก็ได้เฮเมื่อนานี่เปิดจากด้านข้าง แล้ววิดิชก็โหม่งย้อนทางให้แมนยูตีเสมอ 2-2 หลังจากนั้นไม่มีใครทำประตูเพิ่ม จบเกมส์แมนยูคว้า 1 แต้มไปแบบหืดขึ้นคอ


วันศุกร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ดอร์ทมุนด์ 2-0 ฮัมบูร์ก (บุนเดสลีกา)

เสือเหลืองทีมนำจ่าฝูงซึ่งฟอร์มร้อนแรงมาก ไม่แพ้ใครมา 10 นัดในบุนเดสลีกาติดต่อกัน และสามารถเก็บชัยชนะได้ถึง 9 นัด เปิดบ้านต้อนฮัมบูร์กไปแบบสบายเท้า 2-0 โดยได้ประตูแรกจากนักเตะญี่ปุ่น ชินจิ คากาวะ ซัด 15 หลาแล้วแฉลบโดนกองหลังของทีมเยือนเข้าประตูในนาทีที่ 49 หลังจากนั้นก็เกือบได้ประตูอีกหลายครั้ง จนกระทั่งในนาทีที่ 70 การประสานงานในแนวรุกของเจ้าบ้านก็ต่อบอลอย่างสวยงามก่อนที่ ลูคัส บาร์ริออสจะยิงง่ายๆเป็นประตูที่ 2 ทำให้จบเกมส์ ดอร์ทมุนด์เก็บเพิ่ม 3 แต้มทิ้งที่ 2 ไมนซ์ เป็น 7 แต้ม


วันพุธที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

เอซี มิลาน 3-1 ปาแลร์โม่ (กัลโช่ เซเรีย อา)

เอซี มิลานส่งปาร์โต้ยืนหน้าคู่กับ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช เริ่มเกมส์มาได้ 19 นาที มิลานก็ออกนำก่อนจากลูกโหม่งของ ปาร์โต้ หลังจากนั้นก็มีจังหวะในการที่จะเพิ่มสกอร์ให้กับทีม แต่ยังไม่สามารถเพิ่มเป็น 2-0 ได้ ผ่านมาจนนาทีที่ 63 ทีมเยือนก็ตีเสมอได้สำเร็จจาก บาชิโนวิช ที่ยิงจากนอกกรอบเขตโทษ อับเบียติ ผู้รักษาประตูได้แต่ป้องกันด้วยสายตา แต่เจ้าบ้านก็ขึ้นนำอีกครั้งในนาทีที่ 77 จากลูกจุดโทษของ อิบราโมวิช และก่อนจบเกมส์ 7 นาที โรบินโญ่ ที่ลงมาเป็นตัวสำรอง ซัดตุงตาข่าย ให้เจ้าบ้านชนะ 3-1 เก็บ 3 แต้มพร้อมก้าวขึ้นจ่าฝูง เพราะ ลาซิโอ แพ้ต่อ เซเซน่า


วันจันทร์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

เซบีย่า 2-0 บาเลนเซีย (ลาลีกา สเปน)

เซบีย่าเปิดบ้านต้อนรับเจ้าค้างคาวบาเลนเซีย ช่วงต้นครึ่งแรกเป็นฝ่ายเจ้าบ้านที่สามารถครองเกมส์ได้ดีกว่าและมีโอกาสทที่จะทำสกอร์ หลังจากเกมส์เริ่มไปเพียง 25 นาที บาเลนเซียก็เป็นฝ่ายเสียเปรียบเมื่อ เมห์เม็ต โทปัล ไปย่ำเท้าใส่ มาร์ติน คาเซเรซแบบน่าเกลียด กรรมการไม่รอช้าที่จะให้ใบแดงทันที หลังจากที่เสียเปรียบตัวผู้เล่น บาเลนเซียก็มีโอกาสโต้ตอบบ้าง จบ 45 นาทีแรก ยังเสมอ 0-0 ครึ่งหลังในนาทีที่ 54 ประตูแรกของเจ้าบ้านก็มาถึงเมื่อ อัลบาโร่ เนเกรโด้ ที่เพิ่งถูกเปลี่ยนตัวลงมาแค่นาทีเดียว ซัดมุมแคบลอดหว่างขา บิเซนเต้ กวาอิต้าไป เจ้าบ้านขึ้นนำ 1-0 หลังจากนั้น เซบีย่าก็มีโอกาสหลายครั้งที่จะบวกสกอร์เพิ่มแต่ยังทำไม่ได้ จนกระทั่งในนาทีที่ 77 ตัวสำรองอีกคนนึง อเลซานโดร อัลฟาโร่ ก็โหม่งทำประตูให้เจ้าบ้านทิ้งห่างทีมเยือนเป็น 2-0 จบเกมส์เซบีย่าเก็บ 3 แต้มพร้อมขึ้นมาอยู่อันดับ 5 ของตารางคะแนน


ลาซิโอ 0-2 โรม่า (กัลโช่ เซเรีย อา)

ดาร์บี้แมทช์กรุงโรม ครั้งนี้น่าจะเป็นงานหนักของทีมหมาป่า โรม่า เพราะลาซิโอออกสตาร์ทฤดูกาลได้ดีมาก และเป็นทีมนำ แต่จบ 45 นาทีแรกก็ไม่มีฝ่ายใดต้องเพลี่ยงพล้ำ แต่เริ่มครึ่งหลังมาได้เพียง 7 นาทีเจ้าถิ่นต้องเสียประตูจากลูกจุดโทษ ที่ลิคสไตเนอร์ไปทำแฮนด์บอล แล้ว มาร์โก บอร์ริเอโล่รับหน้าที่เป็นผู้สังหาร โรม่าขึ้นนำ 1-0 หลังจากนั้นอุณหภูมิของเกมส์ก็ร้อนแรงขึ้นเพราะลาซิโอพยายามบุกหนักเพื่อตีเสมอ แล้วช่วงท้ายครึ่งหลัง ลาซิโอก็น่าได้ลูกจุดโทษ เมื่อรีเซ่ ไปเหนี่ยว สเตฟาโน่ เมารีล้มลงแต่กรรมการไม่เห็น แต่กลายเป็นโรม่าได้จุดโทษลูกที่2 ในนาทีที่ 87 มีร์กู วูซินิชสังหารไม่พลาด หมาป่าโรม่า ดับพญาอินทรีแห่งกรุงโรม แต่ลาซิโอยังเป็นทีมนำต่อไป


สตุ๊ตการ์ท 6-0 เบรเมน (บุนเดสลีกา)

ทีมม้าขาวเจ้าบ้านฟอร์มร้อนแรงมาก เริ่มเกมส์เพียงแค่ 10 นาที ก็ขึ้นนำ 1-0 จาก มาริก้า หลังจากนั้นเบรเมนมีโอกาสตีเสมอเมื่อได้ลูกโทษ แต่ทอร์สเท่น ฟริงก์ยิงไม่ดี ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่นล้มตัวรับไว้ได้ หลังจากนั้นสตุ๊ตการ์ทก็ขึ้นนำอีกครั้งในนาทีที่ 31 จาก คาเคา และก่อนหมดเวลาครึ่งแรก คาเคาก็กดให้ทีมเจ้าบ้านนำในครึ่งแรก 3-0 เกมส์ดำเนินไปจนถึงนาทีที่ 60 เจ้าบ้านก็ได้มีโอกาสได้ประตูที่4 จากลูกจุดโทษของคาเคา แต่คาเคาดันยิงไปติดผู้รักษาประตูทีมเยือน พลาดแฮตทริก แต่หลังจากนั้นอีก 8 นาที ทีมนกนางนวลก็เสียประตูที่ 4 โดยคริสเตียน เกนท์เนอร์ เป็นผู้ทำประตู แล้วประตูที่ 5 ก็ตามมาติดๆจากลูกโหม่งของ จอร์จ นีแดร์ไมเออร์ และก่อนหมดเวลา 4 นาที มาร์ติน ฮาร์นิกเปิดบอลตัดหลังแผงกองหลังให้ อาร์กตูร์ โบก้า ใช้ความเร็วแตะบอลหลบ วีเซ่ ผู้รักษาประตู ซัดให้ม้าขาว ถล่ม เจ้านางนวลไปแบบขาดลอย


วันอาทิตย์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

รีล มาดริด 2-0 แอต.มาดริด (ลาลีกา สเปน)

รีล มาดริดเปิดบ้านต้อนรับทีมร่วมเมืองอย่าง แอตเลติโก มาดริด โดยที่ฟอร์มของเจ้าบ้านนั้นแรงมากในเวลานี้ แถมตัวผู้เล่นก็ถือว่าอยู่ในฟอร์มดีกันทุกคน แค่ 13 นาที เจ้าบ้านก็ได้ประตูขึ้นนำจาก ริคาร์โด คาวาลโญ่ ซึ่งเติมเกมส์รุกขึ้นมา หลังจากนั้นอีกแค่ 6 นาที เจ้าบ้านก็ได้ประตูที่ 2 จากการปั่นลูกฟรีคิกของ เมซุต โอซิล หลังจากนั้น ราชันชุดขาวก็เกือบบวกสกอร์ได้หลายต่อหลายครั้ง แต่ไม่เป็นประตู แต่ทีมเยือนก็มีจังหวะที่ตอบโต้ได้บ้าง จบ 90 นาที เจ้าบ้านเก็บ 3 แต้มพร้อมขึ้นนำเป็นจ่าฝูง ลาลีกา สเปน และรักษาสถิติไม่แพ้ใคร 10 นัดติดต่อกัน ตั้งแต่เปิดฤดูกาล


ลิเวอร์พูล 2-0 เชลซี (พรีเมียร์ลีก)

แฟนหงส์แดงเฮ เมื่อตอเรสคืนฟอร์มเก่ง กด 2 เม็ดชนะทีมแกร่งอย่างเชลซีไปได้ ในครึ่งแรก ลิเวอร์พูลต่อบอลกันได้อย่างเหนือชั้นกว่าเชลซี แค่ครึ่งแรก หงส์แดงก็นำผู้มาเยือนไป 2-0 แต่ครึ่งหลังเชลซีแก้เกมส์ด้วยการเปลี่ยนดร็อกบาลงมา รูปเกมส์จึงดีขึ้น จนเกือบได้ประตูตีไข่แตกหลายครั้ง แต่ก็ไม่สามารถตีคืนได้จบเกมส์ ลิเวอร์พูลคว้า 3 แต้มสำคัญได้สำเร็จ


Twitter Delicious Facebook Digg Favorites More