Photobucket

วันอาทิตย์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2553

แบล๊คเบิร์น 0-0 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (พรีเมียร์ ลีก)


ก่อนเกมส์นี้ แมนยู สร้างผลงานที่น่าผิดหวัง 3 นัดติดกัน จากเกมส์ที่แพ้บาเยิร์นในนัดแรก แพ้เชลซี และชนะบาเยิร์น แต่ตกรอบแบบไม่น่าเชื่อ แมนยูสร้างโอกาสได้น้อยเมื่อเทียบกับหลายเกมส์ที่ผ่านมา และยังขาดตัวจบสกอร์อย่างรูนี่ย์ที่มีอาการบาดเจ็บ เกมส์นี้จึงทำได้แค่เสมอ 0-0 มีแต้มตามหลังเชลซี 1 แต้มแต่เตะมากกว่า 1 นัด โอกาสคว้าแชมป์ลดน้อยลงเรื่อยๆ


รีล มาดริด 0-2 บาร์เซโลน่า (ลาลีกา สเปน)

เอล คลาสิโก้ ครั้งนี้ เป็นเกมส์ลุ้นแชมป์เลยก็ว่าได้ เพราะทั้งสองทีมต่างมีคะแนนเท่ากัน และอยู่ในช่วงทอปฟอร์มทั้งคู่ โดยที่ราชันชุดขาว เล่นในบ้าน 15 นัด ชนะรวด ในขณะที่ เจ้าบุญทุ่มสามารถเก็บได้ 15 แต้มเต็มจาก 5 นัดหลังสุดใน ลาลีกา รูปเกมส์ทั้งสองทีมยังไม่เปิดเกมมส์รุกกันเต็มที่เพราะต่างฝ่ายต่างระมะดระวังตัวเป็นพิเศษ จนมาถึงในนาทีที่ 32 เมสซี่ก็ทำประตูขึ้นนำ 1-0 หลังจากนั้นเจ้าถิ่นก็บุกกดดันทีมเยือนอย่างหนักหวังเอาประตูตีเสมอ แต่ก็ยังไม่สามารถ จนกระทั่งในนาทีที่ 57 บาร์เซโลน่าก็หนีห่างเป็น 2-0 จาก เปโดร โรดริเกซ รีล มาดริดถูกนำ 2-0 แต่ยังไม่ละความพยายาม ยังคงบุกเพื่อสร้างโอกาส แต่จนแล้วจนรอดก็ทำประตูไม่ได้ จบเกมส์ บาร์ซ่า บุกมาเอาชนะได้ถึงถิ่น 2-0 พร้อมเก็บ 3 แต้มขึ้นนำเป็นจ่าฝูง ทิ้งแต้มห่างราชัน 3 แต้ม


ฟิออเรนติน่า 2-2 อินเตอร์ มิลาน (กัลโช่ เซเรีย อา)

อินเตอร์ มิลานทีมที่กำลังลุ้นแชมป์ต้องสะดุด เมื่อต้องมาเยือนทีมม่วงมหากาฬ โดยที่เจ้าถิ่นขึ้นนำในนาทีที่ 11 กว่าจะตามตีเสมอได้ก็เข้าสู่นาทีที่ 75 แต่หลังจากนั้นอีกเพียง 6 นาที ทีมงูใหญ่ก็ขึ้นนำ แต่เจ้าถิ่นก็ตามตีเสมอจนได้ในนาทีที่ 82จบ 90 นาทีเสมอกันไป 2-2 อินเตอร์ยังครองจ่าฝูงแต่ แข่งมากกว่า โรม่า 1 นัด แต้มห่างเพียง 2 แต้มเท่านั้น


แอสตัน วิลล่า 0-3 เชลซี (เอฟเอ คัพ)

รอบรองชนะเลิศของถ้วย เอฟเอคัพ ในเกมส์นี้ ในช่วง 1 ชม.แรก แอสตัน วิลล่า ทำเกมส์ตอบโต้การบุกของเชลซีได้น่ากลัวพอสมควรแต่ยังไม่มีสกอร์สำหรับทั้ง 2 ทีม จนนาทีที่ 68 ดร็อกบาก็ส่งบอลสู่ก้นตาข่ายได้เชลซีนำ 1-0 วิลล่าต้องเปิดเกมส์รุกมากขึ้น แต่กลับเป็นสิงห์ผยองได้ประตูเพิ่มจาก ฟลอร็องต์ มาลูด้า และในช่วงทดเจ็บ แลมพาร์ดก็ทำประตูได้จบเกมส์ เชลซีเข้ารอบชิงรอพบผู้ชนะระหว่าง สเปอร์ส และ ปอร์ทสมัธ


วันพฤหัสบดีที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2553

ลิเวอร์พูล 4-1 เบนฟิก้า (ยูโรป้าลีก)

ลิเวอร์พูลเปิดบ้านถล่มเบนฟิก้าผู้มาเยือนจากโปรตุเกส ไปแบบสบายๆ 4 ประตูต่อ 1 ซึ่งนัดแรกลิเวอร์พูลแพ้มา 2-1 ผลประตูรวมลิเวอร์พูลเข้ารอบด้วยประตูรวม 5-3 เข้าไปพบ ทีมตราหมี แอตเลติโก มาดริด


สตองดาร์ ลีแอซ 1-3 ฮัมบูร์ก (ยูโรป้าลีก)

นัดที่แล้วสตองดาร์ ลีแอซบุกไปพ่าย ฮัมบูร์กมา 1-2 เริ่มเกมส์เจ้าถิ่นก็มีโอกาสหลายจังหวะด้วยกันแต่กลับเป็น ฮัมบูร์กที่ได้ประตูนำไปก่อนในนาทีที่ 20 หลังจากนั้นเจ้าบ้านก็รุกหนัก จนมาได้ประตูตีเสมอในนาทีที่ 32 แต่ผู้มาเยือนก็ขึ้นนำอีกครั้งใน 3 นาทีต่อมา เจ้าถิ่นพยายามบุกเอาประตูตีเสมอ แต่ก็ทำไม่ได้ แล้วในนาทีสุดท้ายก็ถูกทีมเยือนซัดอีก 1 เม็ด รวมผล 2 นัด ฮัมบูร์กเข้ารอบด้วยผลรวม 5-2


โวล์ฟบวร์ก 0-1 ฟูแล่ม (ยูโรป้าลีก)


โวล์ฟบวร์กมีโอกาสเข้ารอบมากเมื่อนัดแรกได้ประตูอเวย์โกล์ในนาทีสุดท้าย นัดนี้แค่ชนะ 1-0 ก็จะเข้ารอบ แต่เริ่มเกมส์มาได้เพียง 21 วินาที ฟูแล่มก็บุกมายิงได้จากลูกพลิกบอลเข้าไปยิงอย่างเหนือชั้นของ บ็อบบี้ ซาโมร่า หลังจากได้ประตูขึ้นนำ ก็มีโอกาสจะบวกสกอร์เพิ่มขึ้น แต่เจ้าบ้านก็ไม่ปล่อยให้ทีมเยือนมาบุกกดดันฝ่ายเดียว เกมส์จึงเปิดแลกกันสนุกเพราะเจ้าบ้านต้องยิง 2 เม็ดเพื่อต่อเวลา และ 3 เม็ดเพื่อเข้ารอบ แต่เกมส์ของเจ้าถิ่นไม่ได้เหนือกว่ามากกลับเป็นฝ่ายที่จะเสียประตูเพิ่มมากกว่า จบเกมส์ ฟูแล่มบุกมาเอาชนะในถิ่นของโวล์ฟบวร์กได้ 1-0 เข้ารอบด้วยสกอร์รวม 3-1 เข้าไปพบกับฮัมบูร์กในรอบต่อไป


วันพุธที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2553

บอร์กโดซ์ 1-0 โอลิมปิค ลียง (ยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก)


ในเกมส์นี้บอร์กโดซ์ได้กลับมาเล่นในบ้านตนเองซึ่งมีข้อแม้ว่าต้องทำผลห่างประตูอย่างน้อย 2 ประตูขึ้นไปจึงจะเข้ารอบ ซึ่งเกมส์ในครึ่งแรกเป็นฝ่ายเจ้าบ้านบุกกดดันทีมเยือนอย่างหนักกว่าจะประสบผลสำเร็จก็ปาเข้าไปในนาทีที่ 43 จากการยิงของ อาลู ดิร์ยาร่า ครึ่งหลังลียงแก้เกมส์ได้ดี และมีโอกาสตีเสมออยู่หลายครั้ง แต่ยังทำไม่ได้ เมื่อเวลาใกล้หมดลงความกดดันตกเป็นของเจ้าบ้านซึ่งก็มีโอกาสแต่ก็ทำประตูเพิ่มไม่ได้ จบเกมส์ บอร์กโดซ์ชนะ 1-0 แต่ไม่พอต่อการเข้ารอบ 4 ทีมสุดท้าย โอลิมปิค ลียงเข้ารอบด้วยผลประตูรวม 3-2 นัดหน้าต้องเจอกับเสือใต้ที่ผ่านแมนยู มาได้


แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3-2 บาเยิร์น มิวนิค (ยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก)

ทีมเจ้าถิ่นผีแดงแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดบ้านต้อนรับบาเยิร์น มิวนิค โดยที่ในเกมส์นี้มีรูนีย์ลงเล่นเป็นตัวจริง เร่มเกมส์ไปได้เพียง 3 นาทีเจ้าถิ่นก็แผลงฤทธิ์ ออกนำ 1-0 จากการยิงนอกกรอบเขตโทษของ ดาร์รอน กิ๊บสัน หลังจากเสียประตูแรก เสือใต้ยังไม่สามารถควบคุมเกมส์ในแดนกลางได้ โดนเจาะไปอีก 1 ลูก จากการปราดเข้ามาแล้ว ยิงลูกไขว้ของนานี่ เข้าไปอย่างสวยงาม เกมส์ตกเป็นของแมนยู เกือบทั้งหมด ท้ายครึ่งแรกทีมเยือนก็เริ่มครองเกมส์และมีโอกาสที่จะได้ประตูเช่นกัน แต่ก็ยังไม่สามารถส่งบอลผ่านมือ ฟาน เดอ ซาร์ ได้ แล้วแมนยู ก็ทำสกอร์หนีห่างเป็น 3-0 เมื่อ นานี่ แปเสยคานเข้าไป แต่ อีกแค่ 2 นาทีต่อมาเสือใต้ก็ตีไข่แตกสำเร็จจาก อีวิก้า โอลิช ศูนย์หน้าจอมขยัน จบ 45 นาทีแรก แมนยู ใกล้จะได้ตั๋วเข้าสู่รอบรองเป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกัน แต่เริ่มครึ่งหลังมาได้เพียง 5 นาที เจ้าถิ่นก้เหลือผู้เล่นแค่ 10 คนเมื่อ ราฟาเอลโดนใบเหลืองใบที่ 2 เป็บใบเหลือง-แดง หลังจากนั้นทีมเยือนก็เป็นฝ่ายปูพรมบุกเพื่อทำประตูเพิ่ม แต่ผีแดงก็ตั้งเกมส์รับอย่างเหนียวแน่นและรอสวนกลับ แต่แล้วนาทีที่ 74 แฟนทีมเยือนก็ได้เฮเมื่อ ร๊อบเบนยิงประตูไล่มาเป็น 2-3 จบเกมส์ 90 นาที แมนยูชนะ 3-2 รวมผล 2 นัด 4-4 แต่ตกรอบด้วยกดการยิงประตูทีมเยือน


วันอังคารที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2553

ซีเอสเคเอ มอสโก 0-1 อินเตอร์ มิลาน (ยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก)

เกมส์ที่แล้ว มอสโกพ่ายมา 1-0 นัดนี้ได้กลับมาเล่นในบ้านจึงค่อนข้างมีความหวัง แต่ทีมเยือนก็ทำประตูออกนำไปก่อนเมื่อเกมส์เล่นไปเพียง 6 นาที หลังจากนั้นเจ้าถิ่นก็พยายามบุก แต่ก็ไม่สามารถทำสกอร์คืนมาได้ แต่พอเริ่มครึ่งหลังมาได้เพียง 4 นาที เจ้าบ้านก็ยิ่งเสียเปรียบเข้าไปอีกเมื่อผู้เล่นโดนไล่ออก แต่เจ้าถิ่นก็ไม่ละความพยายามยังคงตั้งหน้าตั้งตาบุก แต่จรแล้วจนรอดก็ไม่สามารถทำประตูได้ แต่เกือบจะเสียประตูเพิ่มด้วยซ้ำ จบ 90 นาที อินเตอร์เข้ารอบด้วยประตูรวม 2-0 เข้าไปพบ บาร์เซโลน่า


บาร์เซโลน่า 4-1 อาร์เซน่อล (ยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก)

นัดแรกของคู่นี้เสมอกันมา 2-2 ชนดที่ว่าทีมปืนใหญ่น่าจะแพ้ นัดนี้มาเล่นในรังของทีมเจ้าบุญทุ่ม แต่เริ่มเกมส์ได้เพียง 18 นาที ทีมเยือนได้ประตูนำไปก่อนจากนิคลาส เบนด์เนอร์ ออกนำไป 1-0 ช็อกแฟนบอลเจ้าถิ่น แต่ให้หลังเพียง 3 นาที เมสซี่ ก็ยิงตีเสมอให้บาร์เซโลน่าได้ และหลังจากนั้น เมสซี่ก็ทำแฮททริกเมื่อทำอีก 2 ประตูในนาทีที่ 37 และ 42 จบครึ่งแรกบาร์เซโลน่านำ 3-1 ครึ่งหลัง เมสซี่บวกอีก 1 ประตูให้กับเจ้าถิ่นขึ้นนำเป็น 4-1 ในนาทีที่ 88 จบเกมส์บาร์เซโลน่าเข้ารอบด้วยประตูรวม 6-3 ไปเจอกับอินเตอร์มิลาน


วันอาทิตย์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2553

บาร์เซโลน่า 4-1 แอตเลติก บิลเบา (ลาลีกา สเปน)

บาร์ซ่าขนสำรองลงสนามเปิดบ้านไล่ถล่ม แอตเลติก บิลเบา อย่างเหนือชั้น แล้วแซง รีลมาดริดขึ้นนำเป็นจ่าฝูงชั่วคราว จากการทำประตูของ เจฟเฟรน ซัวเรซ ในนาทีที่ 26 , โบยาน เกร์กิช ในนาทีที่ 39 และ 59 , ลีโอเนล เมสซี่ ในนาทีที่ 67 ส่วนทีมเยือนได้ประตูตีไข่แตกของ มาร์เกล ซูซาเอต้า ในนาทีที่ 77


ชาลเก้ 1-2 บาเยิร์น (บุนเดสลีกา)

ชาลเก้ทีมอันดับ 1 พบ บาเยิร์นทีมอันดับ 2 ถ้าเกมส์นี้ชาลเก้ชนะจะมีแต้มทิ้งห่างเสือใต้เป็น 5 แต้ม แล้วบาเยิร์นก็ขึ้นนำเจ้าถิ่นเป็น 1-0 จากการยิงของฟร้องก์ ริเบรี่ แต่ชาลเก้ก็เสียลูกที่ 2 ทันทีเมื่อเริ่มเขี่ยบอลเมื่อจังหวะ ฮามิต อัลตินท็อป ได้บอลจากกองหลังชาลเก้ที่จับบอลไกลตัวเกินไปส่งบอลให้ อิวิก้า โอลิช แล้วผ่านให้มุลเลอร์แปโล่งๆ เป็น 2 ประตูต่อ 0 และในนาทีที่ 31 เจ้าถิ่นก็ตีไข่แตกจากการโหม่งของ เควิน คูรานนี่ ก่อนจบครึ่งแรกบาเยิร์นเหลือผู้เล่น 10 คนเมื่ออัลตินท็อปเสียบผู้เล่นชาลเก้อย่างน่าเกลียดจึงโดนใบเหลืองใบที่ 2 แต่ครึ่งหลังเจ้าถิ่นก็ไม่ได้ได้เปรียบอะไรเลยจากการที่มีผู้เล่นมากกว่า ท้ายที่สุด บาเยิร์นมาคว้า 3 แต้มในบ้านชาลเก้ได้สำเร็จขึ้นนำเป็นจ่าฝูงอีกครั้ง


บารี่ 0-1 โรม่า (กัลโช่ เซเรีย อา)

โรม่าสามารถเก็บ 3 แต้มได้จากการไปเยือนบารี่ ซึ่งรูปเกมส์เหนือกว่าเจ้าบ้านเพียงเล็กน้อยแต่สามารถขึ้นนำได้ในนาทีที่ 19 เกมส์จะเล่นกันในแดนกลางเป็นส่วนมาก และเจ้าบ้านก็ไม่สามารถลำเลียงบอลขึ้นไปให้ศูนย์หน้าได้มีโอกาสพังประตูเลย ทั้งๆที่ ช่วงครึ่งหลังโรม่าเพลาการบุกอย่างเห็นได้ชัด จบเกมส์โรม่าคว้า 3 แต้มเป็นที่ 2 ตามหลัง อินเตอร์เพียง 1 แต้มเท่านั้น


วันเสาร์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2553

กายารี่ 2-3 เอซี มิลาน(กัลโช่ เซเรีย อา)

เอซี มิลาน เป็นอีก 1 ทีมที่ยังมีโอกาสคว้าสคูเด็ตโต้ได้ บุกมาชนะกายารี่ ถึงถิ่น เมื่อขึ้นนำได้ตั้งแต่นาทีที่ 7 แต่เพียง 10 นาทีต่อมาก็โดนทีมชาวเกาะไล่ตีเสมอ แต่แล้วอีก 2 นาที มิลานก็ขึ้นนำอีกครั้ง แต่นาทีที่ 32 เจ้าถิ่นก็ตามตีเสมอได้อีกเป็นครั้งที่ 2 แล้วในนาทีที่ 38 มิลานก็ขึ้นนำอีกครั้งจากการทำเข้าประตูตัวเองของกองหลังกายารี่ ครึ่งหลังกายารี่บุกหนักหวังตีเสมอให้ได้ แต่ มิลานตั้งรับและเก็บ 3 แต้มออกไปได้รั้งตำแหน่งที่ 3ของลีกต่อไป


อินเตอร์ มิลาน 3-0 โบโลญญ่า

อินเตอร์ มิลานหวังแก้ตัวในเกมส์นี้ เพราะเกมส์ที่แล้วแพ้โรม่าไป 2-1 ทำให้ช่องว่างระยะห่างของแต้มน้อยลง ซึ่งทีมงูใหญ่ก็ไม่พลาดสามารถเก็บ 3 แต้มแบบสบายเท้า ชนะผู้มาเยือนไป 3-0 ยังคงเป็นทีมนำในลีกอิตาลี


เบิร์นลีย์ 1-6 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (พรีเมียร์ ลีก)


แมนเชสเตอร์ ซิตี้ บุกมาขย้ำ เบิร์นลี่ย์ถึงถิ่น 6 ประตูต่อ 1 เริ่มเกมส์แค่เพียง 7 นาที เรือใบสีฟ้าก็ออกนำเจ้าถิ่น ไป 3-0 จาก อเดบายอร์ นาทีที่ 4 , เบลลามี่ นาทีที่ 5 , เตเวซ นาทีที่ 7 และในนาทีที่ 20 ก็มาได้เพิ่มจากลูกโขกของ วิเอร่า ช่วงท้ายเกมส์ในครึ่งแรก อเดบายอร์ก็บวกสกอร์เพิ่มอีก 1 เม็ด จบครึ่งแรก แมนฯ ซิตี้ออกนำเจ้าถิ่น 5-0 เริ่มครึ่งหลังทีมเยือนยังไม่เพลาการบุก และมาได้ประตูเพิ่มจาก แวงซองต์ กอมปานีในนาทีที่ 68 และกว่าที่ทีมเจ้าถิ่นจะได้เฮก็ปาเข้าสู่นาทีที่ 71 จากการยิงสวน เช กิฟเว่น อย่างงดงาม จบเกมส์เจ้าถิ่นแพ้หมดรูปไป 6-1 ยังต้องดิ้นรนหนีการตกชั้นต่อไป


อาร์เซน่อล 1-0 วูล์ฟแฮมตัน (พรีเมียร์ลีก)

อาร์เซน่อลยังมีโอกาสลุ้นแชมป์ถ้าเกมส์นี้สามารถเอาชนะ วูล์ฟได้ เพราะคู่หัวค่ำ แมนยู พ่ายเชลซีไป แต่ใน 45 นาทีแรก เกมส์เป็นของเจ้าถิ่นแต่ก็ไม่สามารถพังประตูขึ้นนำ นัดนี้แนวรับของวูล์ฟทำงานอย่างหนักมาก เกมส์ทำท่าจะจบลงด้วยการแบ่งแต้มกันไป แต่เบนท์เนอร์ก็พุ่งโขกประตูชัยที่มีค่าให้กับทีมปืนโต ทำให้เก็บ 3 แต้มสำคัญและยังมีโอกาสลุ้นแชมป์อยู่


แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-2 เชลซี (พรีเมียร์ ลีก)


เกมส์นี้เป็นเกมส์ที่ตัดสินแชมป์อย่างไม่เป็นทางการของศึกพรีเมียร์ ลีก เมื่อแมนยู ทีมอันดับ 1เปิดรัง โอล์ดแทรฟฟอร์ดรับการมาเยือนของสิงห์บลู เชลซี ทีมอันดับ 2 ถ้าแมนยูชนะนัดนี้จะมีแต้มทิ้งห่างเชลซี เป็น 4 แต้ม แต่เริ่มเกมส์มาได้ 20 นาทีทีมเยือนกลับเป็นฝ่ายขึ้นนำก่อน 1-0 จาก โจ โคล แต่เจ้าบ้านก็มีโอกาสสวนบ้างแต่ยังไม่เป็นสกอร์ จบครึ่งแรกเชลซีนำ 1-0 เริ่มครึ่งหลังมาเจ้าบ้านบุกกดดันทีมเยือนอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังไม่สำเร็จ จึงถูกเชลซียิงเพิ่มจากจังหวะล้ำหน้าของ ดร็อกบา แต่ผู้ตัดสินไม่ยกธง ดร็อกบา จึงยิงให้เชลซีนำห่างเป็น 2-0 แต่อีก 2 นาทีต่อมา เจ้าถิ่นก็ตีไข่แตกได้จากจังหวะบอลมาโดนตัว มาเคด้า เข้าประตู หลังจากนั้นแมนยู ก็พยายามกดดันหวังประตูตีเสมอให้ได้ แต่จบ 90 นาที แมนยูจึงแพ้ในบ้านตัวเองแก่ เชลซี ทำให้เชลซีขึ้นนำเป็นจ่าฝูงมีคะแนนมากกว่าแมนยู 2 แต้ม โดยที่ทั้ง 2 ทีมมีโปรแกรมการเตะอีกทีมละ 5 นัด


วันศุกร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2553

บาเลนเซีย 2-2 แอตเลติโก มาดริด (ยูโรป้าลีก)

ศึกยูโรป้าลีกนัดนี้เป็นศึกสายเลือดระหว่างบาเลนเซียกับแอตเลติโก มาดริด ซึ่งบาเลนเซียได้เป็นเจ้าบ้านก่อนในนัดแรกนี้ แต่เจ้าถิ่มทำได้เพียงเสมอกับทีมเยือนไป 2-2 โดยที่ทีมเยือนเป็นฝ่ายออกนำก่อนทั้ง 2 ครั้ง


วันพฤหัสบดีที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2553

ฟูแล่ม 2-1 โวล์ฟบวร์ก (ยูโรป้าลีก)

ฟูแล่มเปิดบ้านรับการมาเยือนทีมแชมป์บุนเดสลีกาเมื่อปีที่แล้ว โดยที่ 45 นาทีแรกยังไม่มีทีมใดสามารถทำประตูได้ แต่พอเริ่มครึ่งหลังในนาทีที่ 59 เจ้าบ้านก็ออกนำก่อนจากการทำประตูของ บ๊อบบี้ ซาโมร่า และอีกแค่ 4 นาทีต่อมา เดเมี่ยน ดัฟ ก็วิ่งซัดบอลเสียบเสาแรกอย่างสวยงามทำให้เจ้าสัวน้อยนำห่างเป็น 2 ประตูต่อ 0 หลังจากนั้นทีมเยือนก็รุกหนักและได้ประตูตีตื้นในนาทีที่ 89 จบเกมส์ฟูแล่มนำไปก่อนในนัดแรก 2-1


อินเตอร์ มิลาน 1-0 ซีเอสเคเอ มอสโก(ยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก)

งูใหญ่อินเตอร์ มิลานเปิดบ้านเฉือนชนะ มอสโก จากรัสเซียไป 1 ประตูต่อ 0 จากดิเอโก้ มิลิโต้ โดยที่รูปเกมส์ไม่ได้เหนือกว่าทีมเยือนสักเท่าไหร่ แต่ยังได้เปรียบในการชนะในบ้านตนเองซึ่งนัดหน้าต้องไปเยือนถิ่มรัสเซีย


อาร์เซน่อล 2-2 บาร์เซโลน่า (ยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก)

ทีมปืนใหญ่เจองานหนักเมื่อเปิดบ้านรับการมาเยือนของทีมเจ้าบุญทุ่มบาร์เซโลน่า สกอร์ครึ่งแรกจบที่ 0-0 แต่เกมส์เป็นของบาร์เซโลน่าแต่เพียงฝ่ายเดียวซึ่งมีโอกาสในการทำประตูเยอะมากแต่ก็ไม่สามารถขยับสกอร์ขึ้นนำได้ แต่พอเริ่มครึ่งหลังมาได้ไม่ถึง 1 นาทีจาก ซลาตัน อิบราฮิโมวิช หลังจากนั้นในนาทีที่ 59 ทีมเยือนก็หนีห่างเป็น 2-0 และเป็นประตูที่ 2 ของ ซลาตันด้วย หลังจากนั้น อาร์แซน เวงเกอร์ ต้องปรับเปลี่ยนแผนโดยให้ ธีโอ วัลคอร์ต ลงมา ซึ่งก็ได้ผลเพราะแค่ 2 นาที วัลคอร์ตก็ทำประตูได้สำเร็จไล่มาเป็น 1-2 และในช่วงท้ายเกมส์ อาร์เซน่อลก็ตีเสมอได้สำเร็จจากลูกจุดโทษของเชส ฟราเบกัส นัดหน้าต้องไปเยือนคัมป์ นู โดยปราศจาก เชส


Twitter Delicious Facebook Digg Favorites More